ตลอดเวลาหลายทศวรรษ “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร” รัชกาลที่ 10 ทรงดำเนินตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการอุทิศพระองค์เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ปวงประชาราษฎร์ โดยมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ที่จะปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนชาวไทยได้ร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์และทำความดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 9 ด้วยทรงห่วงใยและทรงคำนึงถึงความอยู่ดีมีสุขของประชาชนเหนืออื่นใด
เพื่อส่งเสริมการสร้างสังคมของคนดี เชิดชูคนทำความดี ที่คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งโครงการจิตอาสา “เราทำความดีด้วยหัวใจ” รณรงค์ให้ประชาชนชาวไทย แสดงพลังจิตอาสาร่วมกับหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์, ข้าราชบริพาร, หน่วยราชการในพระองค์ และหน่วยราชการต่างๆ
“ขอให้รัฐบาลทำหน้าที่เพื่อให้ประชาชนมีความสุขมากที่สุดในรัชกาลปัจจุบัน โดยใช้แนวทางของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือ “ศาสตร์แห่งพระราชา” ที่ทรงทำมาตลอดระยะเวลา 7 ทศวรรษแห่งการครองราชย์ เป็นหลักในการ บริหารประเทศ เพื่อให้ประเทศชาติเกิดความสงบ และไม่มีความขัดแย้ง”...สมเด็จพระเจ้า อยู่หัวทรงเน้นย้ำพระราชปณิธานดังกล่าวกับนายกรัฐมนตรี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” และคณะรัฐบาล
เมื่อเอ่ยถึงกิจกรรมจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจ จะมุ่งเน้นไปที่การคืนความสุขให้ประชาชน และสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยแก่สังคมไทย โดยหนึ่งในกิจกรรมที่ได้ใจประชาชนไปเต็มๆ คือ การปรับภูมิทัศน์และทำความสะอาดพื้นที่สาธารณประโยชน์ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่ต่างๆทั่วกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วมขังในชุมชนนั้น ได้ต้นแบบจากความสำเร็จในการระดมกำลังลงพื้นที่บริเวณรอบพระราชวังดุสิต และชุมชนใกล้เคียง ขุดลอกคูคลองที่ตื้นเขิน, เก็บผักตบชวา วัชพืช และขยะมูลฝอยออกจากลำคลอง เพื่อกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ, เปิดเส้นทางระบายน้ำ และทำความสะอาดปรับภูมิทัศน์พื้นที่สาธารณประโยชน์ ส่งผลให้ไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมขังเมื่อฝนตกหนักต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ประชาชนในพื้นที่ก็มีสุขอนามัยและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงห่วงใยในเรื่องการศึกษา, การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, การสาธารณสุข, การเสริมสร้างอาชีพรายได้ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
ความใส่พระราชหฤทัยในทุกข์สุขของประชาชนชาวไทย ได้เป็นที่ประจักษ์แจ้งมาตั้งแต่ยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยสะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดจากพระราชกรณียกิจหลากหลายด้าน ทั้งการทหาร, การศาสนา, การสาธารณสุข, วิทยาศาสตร์, สังคมศาสตร์, ศิลปศาสตร์ และเกษตรศาสตร์ ซึ่งถือเป็นศาสตร์ของแผ่นดิน พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีในการส่งเสริมการเกษตรไทยให้เกิดการพึ่งพาตนเอง และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
พระราชกระแส “เพราะเป็นห่วงจึงได้มา” ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของพสกนิกรชาวไทยมิรู้ลืม เมื่อครั้งตามเสด็จฯสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แปรพระราชฐาน ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส ปี 2544 เพื่อทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจและติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในเขตพื้นที่ภาคใต้ พระองค์ทรงรับทราบถึงปัญหาของราษฎรบ้านกูแบซีรา ตำบลกอลำ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ที่ประสบภัยธรรมชาติซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงเสด็จฯทรงเยี่ยมเยือน และตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยพระองค์เอง พร้อมพระราชทานแนวทางแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทั้งระบบ เพื่อพัฒนาพื้นที่การเกษตร, เพิ่มผลผลิต, พัฒนาอาชีพ และเพิ่มรายได้ของเกษตรกรไทย โดยระหว่างเสด็จขึ้นไปบนบ้าน “นายดอเลาะ บือแน” ทำให้ทรงทราบปัญหาว่าราษฎรที่นี่ขาดแคลนน้ำดื่ม และเมื่อถึงฤดูฝนก็ประสบปัญหาน้ำท่วมขัง เพราะไม่มีคูน้ำช่วยระบาย
เมื่อ “นายดอเลาะ” กราบบังคมทูลว่า “ไม่เคยมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดเสด็จฯมาที่บ้าน”... พระองค์ทรงตอบว่า “ทุกพระองค์ทรงห่วงใยราษฎร ก็เพราะเป็นห่วงจึงได้มา” พระราชกระแสดังกล่าวสร้างความปลื้มปีติแก่ประชาชนชาวมุสลิมเป็นอย่างมาก ทำให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความห่วงใยที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย
อีกครั้งที่ตอกย้ำถึงน้ำพระราชหฤทัยอันยิ่งใหญ่ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย เป็นที่ประจักษ์ชัดเมื่อเกิดเหตุการณ์ช็อกโลก เยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมี 13 ชีวิต เข้าไปติดอยู่ในถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย ชะตากรรมเป็นตายเท่ากัน นอกจาก “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” จะทรงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ยังพระราชทานพรและกำลังใจให้คนไทยสามารถคลี่คลายผ่านฝันร้ายนี้ไปด้วยกัน
โดยราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแจ้งว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ทรงติดตามการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเด็กและโค้ชฟุตบอล จำนวน 13 ราย รวมทั้งทรงห่วงใยกลุ่มผู้ประสบภัยทุกคน และทรงให้กำลังใจไปยังครอบครัวผู้ประสบภัยทุกคน ขอให้ทุกคนปลอดภัย รวมถึงทรงให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการติดตามค้นหาขอให้ประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกัน ยังได้พระราชทานแนวทางปฏิบัติในการช่วยเหลือทีมหมูป่า พร้อมทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทานเพื่อปรุงอาหารสำหรับแจกจ่ายแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ทั้งผู้ปกครอง สื่อมวลชน และประชาชน อีกทั้งพระราชทานจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ เพื่อดูแลครอบครัวของผู้สูญหาย และผู้ปฏิบัติงานภายในถ้ำหลวง ตลอดจนพระราชทานสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกคน อาทิ ถุงยังชีพ,ไฟฉาย, ถ่านไฟฉาย, หลอดไฟแอลอีดี, เสื้อกันฝน และอาหารแห้ง
ล่าสุด “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ยังทรงจักรยานนำประชาชนนับแสน ร่วมกิจกรรม “ไบค์ อุ่นไอรัก” รวมเป็นระยะทางไป-กลับ 39 กิโลเมตร ตั้งแต่เส้นทางพระลานพระราชวังดุสิต ไปยังสวนสุขภาพลัดโพธิ์ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเห็นความสำคัญในการรักษาสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย และเสริมสร้างความรักความสามัคคีในครอบครัว ตลอดจนรณรงค์ส่งเสริมการปฏิบัติตามวินัยจราจร ขณะเดียวกัน ก็ทรงเป็นโต้โผในการจัดงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” เพื่อร่วมเผยแพร่ และอนุรักษ์ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมประเพณีไทย
น่าภูมิใจอย่างยิ่งกับคนไทยทั้งประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเอาพระทัยใส่ในทุกข์ สุขของราษฎรอย่างแท้จริง โดยยึดถือความสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง.
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ทีมข่าวหน้าสตรีไทยรัฐ