กกต.มีมติเอกฉันท์ ไม่ส่งหนังสือแย้งร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง ชี้ไม่มีเนื้อหาขัด พร้อมตั้งอนุฯสอบ 90 สนช.ส่อขาดคุณสมบัติดำรงตำแหน่ง
เมื่อวันที่ 4 ก.ค.60 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการประชุม กกต.โดย กกต.เข้าประชุม 4 คน มี นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมแทน นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ที่เดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายพิจารณา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย กกต.
ภายหลังประชุม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.บริหารกลาง กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.มีมติเอกฉันท์เห็นตามที่สำนักงาน กกต.เสนอว่าร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมืองไม่มีเนื้อหาขัดหรือแย้งต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ จึงไม่ต้องส่งความเห็นกลับไปยัง สนช.ส่วนการปฏิบัติตามร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมืองยอมรับว่าอาจจะมีปัญหา ซึ่ง กกต.ให้แนวปฏิบัติกับสำนักงานฯว่า หากร่างกฎหมายลูกฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว กกต.ต้องแถลงชี้แจงให้กับพรรคการเมืองทั้งใหม่และเก่าทราบว่า จะต้องทำอะไรบ้าง เช่น 6 เดือนแรกหลังประกาศใช้ พรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะต้องหาสมาชิกใน 4 ภาคให้ได้ 5,000 คน และต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท เป็นต้น พรรคการเมืองเองต้องศึกษากฎหมายให้เข้าใจ กกต.จะพยายามช่วยอำนวยความสะดวก ในการปฏิบัติให้กับพรรคการเมืองมากที่สุด
นายสมชัย กล่าวต่อว่า ที่ประชุมมีมติตามที่สำนักกฎหมายของสำนักงาน กกต.เสนอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ตรวจสอบการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 186 ประกอบมาตรา 187 และมาตรา 170(5) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการถือครองหุ้นของ สนช. 90 คน อาจเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 264 วรรคสอง โดยประธาน กกต.จะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน นับจากนี้ และคณะอนุกรรมการไต่สวนมีเวลาดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ก่อนเสนอความเห็นต่อ กกต. โดยหากเห็นว่าไม่มีมูลก็จะเสนอ กกต.ยกคำร้อง แต่หากเห็นว่ามีมูล จะเสนอให้ กกต.มีความเห็นเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
...