'วิลาศ' อดีตส.ส.กทม. เรียกร้องให้รัฐบาลลงทุนก่อสร้าง 'หอชมเมือง' เอง บนที่ราชพัสดุ เพื่อความเหมาะสมเป็นแลนด์มาร์กของประเทศ ตั้งข้อสังเกต เหตุใดสร้างสัญลักษณ์ประเทศบนที่ตาบอด เชื่อ "บิ๊กตู่" ถูกตบตาไม่รู้ข้อจำกัดพื้นที่ ส่อผิดกฎหมายหลายฉบับ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโครงการสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ว่า เกือบทุกประเทศต้องการมีสถานที่ท่องเที่ยวเป็นสัญลักษณ์ แต่บริเวณที่จะสร้างอยู่ระหว่างถนนเจริญนคร ซอย 7 และไอคอนสยาม ถ้าจะเข้าที่ดินดังกล่าวนั้นสามารถเดินทางได้ทางน้ำอย่างเดียว ส่วนซอยเจริญนครเป็นซอยเล็ก สัญจรได้เฉพาะรถเล็ก ซึ่งที่ดินแปลงนี้ถูกล้อมเพื่อกันพื้นที่เป็นเขื่อนป้องกันน้ำท่วมประมาณ 4 ไร่ จึงเหลือประมาณ 3 ไร่ และเป็นพื้นที่ตาบอด หากต้องการสร้างก็ต้องไปถมที่ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมาย ซึ่งการก่อสร้างอาคารสูง 459 เมตร ฐานกว้าง 55 เมตร ต้องมีระยะ ที่ร่นมาจากริมแม่น้ำเข้ามาอย่างน้อย 45 เมตร ซึ่งหากสร้างฐานอาคารก็จะไม่มีที่เดิน ถามว่าการก่อสร้างนี้เพื่อเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนหรือไม่

ทั้งนี้ การสร้างหอชมเมืองในพื้นที่ดังกล่าว จุดประสงค์เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางทางน้ำนั้น จะมีการอำนวยความสะดวกในการเดินทางและมีมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างไร โดยเฉพาะที่จอดรถนักท่องเที่ยว เพราะเป็นย่านธุรกิจ จึงเห็นว่าโครงการนี้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อใคร และนายกฯได้กล่าวในที่ประชุม ครม.เองว่า ขอให้โครงการนี้ไม่เอื้อประโยชน์กับใคร และหลีกเลี่ยงการทุจริต แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า ผู้เสนอโครงการนี้ได้อธิบายลักษณะพื้นที่โดยรอบหรือไม่ นายกฯอาจเข้าใจแค่ว่าเป็นพื้นที่ตาบอด แต่เมื่อไปถามเจ้าของตึกแถวในบริเวณนั้น ไม่มีใครอยากขาย

...

"หากจะทำให้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ไม่จำเป็นต้องสร้างบนพื้นที่ตาบอด เพราะถ้าหากรัฐบาลจะทำเองสามารถสร้างตรงไหนก็ได้ โดยไม่ต้องใช้พื้นที่ตาบอด ที่อ้างว่ามีทัศนียภาพที่สวยงามในระดับความสูง 450 เมตร จึงมองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมต้องเจาะจงสร้างที่นี่เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ แต่เอื้อประโยชน์แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือไม่ ที่สำคัญหากมีการก่อสร้างจริง ก็จะผิด พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2560 และผิด พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เพราะเมื่อตัดพื้นที่โดยรอบ ซึ่งประกอบด้วยแหล่งชุมชน จะเหลือพื้นที่ก่อสร้างเพียง 3 ไร่ 72 ตารางวา ผมมั่นใจว่านายกฯคงไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะไม่มีการรายงานข้อมูลเหล่านี้ให้รู้แน่" นายวิลาศ กล่าว