นายกรัฐมนตรี ขอสื่อปรับทัศนคติใหม่ เสนอข่าวอย่าบั่นทอนบรรยากาศปรองดอง สั่งท้องที่ตรวจสอบ "ต้นไม้-เสาไฟ-ป้ายโฆษณา" ให้แข็งแรง

เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 26 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ว่า อยากขอร้องให้สื่อมวลชนทบทวน ปรับทัศนคติใหม่ จากเดิมเข้าใจว่า จำเป็นต้องรายงานข่าวให้ดึงดูด โดนใจ โดยอาจละเลยจรรยาบรรณไป เป็นการขายข่าว ไม่ใช่ขายความรู้ ประชาชนอาจจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย โดยที่สื่อที่ดีมีอีกมาก ขณะที่ประชาชนปัจจุบันมีการศึกษาสูงขึ้น มีความรู้เท่าทัน รู้จักตรวจสอบมากขึ้น น่าจะสามารถแยกแยะเสพสื่อที่มีความรับผิดชอบ มีคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น แต่คงมีคนหรือสื่อส่วนน้อยที่อาจจะยังไม่พัฒนาตนเอง ชอบความขัดแย้ง ไม่เปิดรับความเห็นต่างๆ มาประมวล ประยุกต์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเองให้กับสังคม ฉะนั้น อาจยังนิยมสื่อเสนอข่าวแบบเดิมๆ ที่อาจมีผลเสียทำลายประเทศ บั่นทอนบรรยากาศความปรองดองของคนในชาติ บรรยากาศความมีเสถียรภาพในการลงทุน โดยอาจทั้งเจตนา ไม่เจตนา หวังดี ไม่หวังดี ซึ่งต่างฝ่าย ต่างไม่ยอมให้มีการตรวจสอบใดๆ ทั้งสิ้น แล้วข้อสำคัญ คือ ไม่มีความรับผิดชอบ รัฐบาลก็ต้องแบกรับปัญหาเหล่านี้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็ทำงานได้ช้าเกินไป เราต้องมาช่วยกันคิดว่าจะป้องกันเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเองได้สังเกตการนำเสนอข่าวการลงพื้นที่เพื่อตรวจราชการ ในแต่ละครั้ง ไม่อยากให้เป็นเพียงการนำเสนอภาพ การปาฐกถา เดินชมนิทรรศการ ขอให้สนใจในการนำเสนอข่าวที่เป็นสาระสำคัญด้วย วัตถุประสงค์ของการเยี่ยมเยือน หลักการ วิธีการปฏิบัติ ผลประโยชน์ที่จะได้รับ ยอมรับกลไกการประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ ไม่อาจมีความสมบูรณ์แบบได้ หลายคนก็ติติงขึ้นมา เพราะเป็นข้าราชการ ถ้าหากว่า มันปราศจากการเติมเต็มจากสื่อมวลชนทุกแขนง เราไม่สามารถจะทำได้ครบถ้วน ทั้งนี้ ถ้าเราสามารถที่จะร่วมมือกันได้มันก็จะเป็นการดีมากยิ่งขึ้น รัฐบาลทำไม่ได้ทั้งหมด เพื่อให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐอย่างเท่าเทียม ไม่ตกข่าว ไม่ตกสำรวจ จนเสียสิทธิประโยชน์อันพึงได้ พึงมี อย่างที่ผ่านมา

...


พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง กรณีที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ช่วงนี้ ประเทศไทยจะมีฝนตกเพิ่มขึ้น ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ขอให้ประชาชนทั่วไป เกษตรกร และชาวประมง ได้ติดตามข่าวสาร การแจ้งเตือนภัย และปฏิบัติตามคำแนะนำ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ทุกหน่วยงานเตรียมเครื่องจักร เครื่อมือ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ ในจุดที่มักจะเกิดปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เข้าไปช่วยเหลือหากเกิดน้ำท่วมได้อย่างทันท่วงที

สำหรับในกรุงเทพฯ ตนเองได้สั่งการกับ ผู้ว่าฯ กทม.ไปแล้ว ให้ทุกเขตจัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจเยี่ยม ทุกพื้นที่ที่มีฝนตก หรือก่อนฝนตก และในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งตนเองต้องการเห็นความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ทุกคนในการเตรียมความพร้อมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก รวมทั้งดูงานในทุกจังหวัดด้วย ตามภูมิภาค ท้องถิ่นก็ต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ภาครัฐจะเข้มงวดกวดขันเรื่องเหล่านี้ในช่วงที่ประชาชนเดือดร้อน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงฝนตกการใช้รถใช้ถนน ใช้ด้วยความระมัดระวังเพิ่มขึ้น ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน อย่าหงุดหงิดใส่กัน รักษาสุขภาพ เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย บริษัท-ห้างร้าน ขอให้ดูแลป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ให้แข็งแรง มั่นคง หน่วยงานในท้องที่ตรวจสอบต้นไม้ สายไฟ เสาไฟขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในสวนสาธารณะ และตามถนน ชุมชน ป้ายรถเมล์ อย่าให้เกิดเหตุไม่พึงประสงค์ ปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วก็มาใช้วิธีการแก้ไขทีหลัง "วัวหายแล้วล้อมคอก" เหมือนเช่นทุกครั้ง ไม่มีการป้องกันไม่ดี จะต้องถูกลงโทษ