"นิพิฏฐ์" เหน็บ สนช.ผ่านร่าง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ให้ฝ่ายมั่นคงเข้ามาคุม "ซุปเปอร์บอร์ด" หวั่นต่อไปรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะทำงานยากมากขึ้นเพราะถูกตีกรอบ...

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 60 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี สนช. มีมติรับร่าง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติที่ ครม.เสนอ โดยให้ฝ่ายความมั่นคงเข้ามาเป็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ หรือ ซุปเปอร์บอร์ด เข้ามาทำงานตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ให้เสร็จใน 1 ปี ซึ่งเป็นกฎหมายเหนือกว่าทุกฉบับ มีผลผูกพันกับทุกองค์กรว่า เป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่เขาเขียนขึ้นมา และเป็นวิธีคิดของรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจ เพราะเมื่อเขามีที่มาแบบนี้ เขาก็คิดถึงความมั่นคงเป็นหลัก ที่จะใช้ความมั่นคงทางทหารมาคุมความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางการเมือง คือเขามองแค่มิตินี้ และคนที่พิจารณาร่างกฎหมายนี้ก็เป็นคนที่เขาตั้งมาเอง ผลจึงออกมาเช่นนี้ ทั้งที่มิตินี้มันล้าหลังที่สุด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมิตินี้เขาคิดมาให้แล้วว่า คนในสังคมไม่ต้องคิดอะไรมากแค่ทำตามที่เขาสั่งก็พอ

ทั้งนี้ตนมองที่ผลกระทบคือ ต่อไปรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะทำงานยากมากขึ้นเพราะถูกตีกรอบ และการที่ประเทศอยู่ในระบบการปกครองแบบทหารนาน และอยู่ในขาลงทุกด้าน คนในสังคมจะคิดถึงการเลือกตั้ง โดยตั้งความคาดหวังไว้สูง แต่เมื่อได้รัฐบาลเลือกตั้งมาบริหาร ก็จะติดขัดจากกรอบที่ถูกวางไว้ รัฐบาลเลือกตั้งแก้ไขปัญหาได้ช้ากว่า เพราะทุกเรื่องต้องผ่านฉันทามติ สุดท้ายคนก็จะเบื่อและนำไปเปรียบเทียบกับระบบเผด็จการทหารอีกที่แก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว เบ็ดเสร็จกว่า เพราะมีอำนาจพิเศษ เช่น ม.44 เป็นเครื่องมือ คนก็จะเรียกร้องหา โดยไม่คิดถึงที่มาของการเข้าสู่อำนาจว่าด้วยวิธีการใด จึงอยากให้ สนช.ล้มร่างกฎหมายเลือกตั้ง เพื่อที่จะให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อได้อีก 5-10 ปี เพื่อที่สังคมไทยจะได้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองว่า คนในสังคมต้องการจะเลือกระบอบการปกครองแบบใด ซึ่งมีแค่ 3 แบบคือ คอมมิวนิสต์ ประชาธิปไตย และเผด็จการทหาร จึงขึ้นอยู่กับคนในสังคมไทยว่าจะเอาอย่างไร กับประเทศชาติต่อไป.

...