เก็บตกวงเสวนา แก้ปัญหาคอร์รัปชัน "ชาตินี้หรือชาติหน้า?" หลายภาคส่วนลงความเห็น ประเทศไทยต้องแก้ปัญหาคอร์รัปชันอย่างจริงจัง พร้อมจี้ 'บิ๊กตู่' เอาจริง จับโชว์คนอ้างชื่อ คสช.หากิน

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 60 ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมกับเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน จัดเวทีอภิปรายสาธารณะ แก้ปัญหาคอร์รัปชัน "ชาตินี้หรือชาติหน้า?" ครั้งที่ 5

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จะอยู่กี่ปีก็อยู่ได้ แต่ขออย่าให้เกิดความประพฤติมิชอบในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมามีข้อครหามากมาย โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ที่ยิ่งในช่วงนี้มีโครงการใหญ่ๆ เกิดขึ้น แต่กลับตรวจสอบไม่ได้

ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้อึดอัดคือ การที่ผู้ตรวจสอบคอร์รัปชันถูกทหารไปเยี่ยมเยียนถึงบ้าน ถามว่าคนเหล่านี้ทำอะไรกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ ซึ่งจะทำให้เกิดภาพทางลบและเสื่อมเสียต่อนายกฯ เอง ทั้งนี้ ทุกคนไม่ชอบการถูกบีบคั้น หากยังกระทำเช่นนั้น เราคงต้องมาเล่นมวยวัด ไม่ต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์หรืออย่างไร ซึ่งไม่อยากให้เกิดลักษณะเช่นนี้

'ธีระชัย' ซัดปมหมกเม็ดพลังงานชาติ จี้ตั้งบรรษัทน้ำมันด่วน

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า เรื่องที่ตนได้ติดตามและประชาชนให้ความสนใจคือ การผ่าน พ.ร.บ.ปิโตรเลียมฉบับใหม่แล้ว และมีกระแสข่าวว่ากระทรวงพลังงานเร่งเปิดประมูลแหล่งพลังงานเอราวัณ และแหล่งพลังงานบงกช ซึ่งมีข้อกังวลหลังได้เห็นแนวโน้มว่ากระทรวงพลังงานจะให้ผู้รับสัมปทานรายเดิมมากกว่ารายใหม่ ซึ่งมองว่าเป็นการคอร์รัปชันอย่างหนึ่ง

ขณะเดียวกัน เป็นที่น่าเสียดายที่มีการตัด ม.10/1 เรื่องการตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติออกไป ซึ่งตนมองว่าการมีบรรษัทน้ำมัน จะทำให้การคอร์รัปชันเป็นไปได้ยาก แต่การที่กระทรวงพลังงานระบุนโยบายโดยไม่ต้องการให้มีบรรษัทน้ำมันนั้น จะเป็นการต้อนตัวเองเข้ามุม ซึ่งวิธีการแก้ไขคือเร่งรัดให้มีการตั้งบรรษัทน้ำมันโดยเร็ว

...

ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้ประชาชนติดตามการทำงานของกระทรวงพลังงาน โดยเฉพาะการจัดทำทีโออาร์ ประมูลแหล่งพลังงานว่ามีความเป็นธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนหรือไม่ และหากมีการดำเนินการมิชอบก็ต้องเปิดโปง และตรวจสอบเพื่อให้มีการลงโทษให้ได้

'กษิต' บี้เปิดเผยข้อมูลรัฐ ชกตรงเป้าบริหาร 3 ปี จีดีพีเท่าเดิม

นายกษิต ภิรมย์ สปท. และ อดีต รมว.ต่างประเทศ ยุคพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาในองค์รวมเราถูกปิดตาปิดหูตลอดเวลา เพราะการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารภาครัฐขาดตอน รวมถึงจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหม ที่ถูกอ้างว่าเป็นความลับด้านความมั่นคง

ทั้งที่ ประเทศอื่นๆ มีการเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ให้ประชาชนรับทราบ จึงถือเป็นการปิดหูปิดตาประชาชน ซึ่งเชื่อว่างานต่างๆ ของทุกกระทรวงไม่มีความลับอะไรที่ต้องปิดบัง จึงเรียกร้องในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐให้ประชาชนเข้าถึงได้100% รวมถึงโครงการต่างๆ ต้องผ่านการพิจารณาของประชาชน

ทั้งนี้ เพราะเราจะฝากผีฝากไข้กับองค์กรที่เกี่ยวข้องอย่างเดียวไม่เพียงพอ ขณะเดียวกันตนมีความคาใจกับรัฐบาล คสช. ที่นอกจากรังเกียจพรรคการเมืองแล้ว ยังมองภาคประชาชนและเอ็นจีโอเป็นศัตรูการทำงาน จึงขอให้เปลี่ยนทัศนคติและวิธีคิดของผู้มีอำนาจด้วย เพราะไม่เช่นนั้นก็จะแวดล้อมไปด้วยข้าราชการ จึงทำให้การทำงาน 3 ปี ที่ผ่านมาย่ำอยู่กับที่ จีดีพีไม่เติบโต เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน

'วิลาศ' เกาะติดรัฐวิสาหกิจโกง จี้ "บิ๊กตู่" จับโชว์คนอ้างชื่อ คสช.หากิน

นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาฯ กล่าวว่า ปัญหาขณะนี้คือการทุจริตในรัฐวิสาหกิจ ที่มีการออกกฎหมายพัสดุว่าด้วยการจัดชื้อจัดจ้างเอื้อประโยชน์ให้กับรัฐวิสาหกิจใช้ระเบียบของตัวเอง โดยอ้างว่าเป็นหน่วยงานเฉพาะ ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ออกกฎหมาย ก็ยอมรับว่ากฎหมายดังกล่าวเปิดช่องให้ทุจริตได้ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ จะแก้ไขเมื่อหมดรัฐบาล คสช.แล้ว

นอจากนี้ ยังมีอีกประเด็นคือ ที่ผ่านมา นายกฯ ได้เคยประกาศว่าจะเล่นงานคนที่นำชื่อของตนเองไปแอบอ้าง จึงขอถามว่าเคยมีการเล่นงานใครไปบ้างแล้วหรือยัง เพราะที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ก็เป็นเพื่อนนายกฯ แล้วเมื่อไหร่จะจัดการ โดยเฉพาะในส่วนของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ ที่มีทั้งเพื่อนเตรียมทหารและเพื่อนร่วมรุ่นวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ของนายกฯ ที่แม้จะไม่ได้เป็นการข่มขู่โดยตรง แต่เพราะความเป็นเพื่อนของนายกฯ คนอื่นจึงอาจรู้สึกเกรงกลัวหรือไม่