นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส แนะทางรอดของประเทศไทย ต้องใช้บัญญัติ 10 ประการ เพื่อช่วยชาติพ้นวิกฤติ พร้อมเผยสูตรปิดประตูรัฐประหารถาวร บอกประชาธิปไตยต้องมี 3 ระดับ ทั้งชุมชน ท้องถิ่น และระดับชาติ

เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.59 นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องกติกาใหม่ มองอนาคตการถักทอประเทศไทยว่า ขอให้อย่าเอารัฐธรรมนูญเป็นตัวตั้ง ไม่เช่นนั้นจะมีข้อจำกัด จะทะเลาะกัน เกิดความรุนแรง เกิดรัฐประหาร เพื่อความสงบเรียบร้อย แต่ไม่มีประชาธิปไตย เราต้องการทั้งประชาธิปไตยและความสงบเรียบร้อยยังไม่พอ เราต้องการพัฒนาบ้านเมืองที่ได้ผล ถ้าพัฒนาไม่ได้ผลก็นำไปสู่ความวุ่นวาย

ดังนั้นจะต้องนำทั้งประชาธิปไตย ความสงบเรียบร้อย และการพัฒนาบ้านเมืองที่ได้ผล มาเชื่อมโยงให้เป็นประชาธิปไตยแบบบูรณาการ ประชาธิปไตยต้องมี 3 ระดับ ทั้งประชาธิปไตยชุมชน ประชาธิปไตยท้องถิ่น และประชาธิปไตยระดับชาติ จะมีแค่ประชาธิปไตยระดับชาติอย่างเดียว ประเทศก็อยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีฐานที่มั่นคง การสร้างประชาธิปไตยแบบบูรณาการ ต้องเดินตามบทบัญญัติ 10 ประการ คือ

1.สังคมทุกภาคส่วนทั้งการเมือง ราชการ นักวิชาการ ประชาสังคม สื่อมวลชน และกองทัพ ต้องมีความมุ่งมั่นร่วมกันสร้างประชาธิปไตยแบบบูรณาการ เพื่อทำให้มีพลัง กลไกที่มุ่งมั่นร่วมกันคือการสื่อสารแบบมีเหตุมีผลให้มาก เพื่อให้คนอยากเข้ามาร่วม ตรงนี้เป็นหลักการใหญ่ เร่งสร้างพลังพลเมืองกำกับการเมือง

2.ต้องทำความใจว่าประชาธิปไตยแบบบูรณาการ มีทั้งประชาธิปไตย ความสงบเรียบร้อย และการพัฒนาประเทศที่ได้ผล

3.พรรคการเมืองต้องพัฒนาเป็นสถาบันของประชาชน ไม่ใช่พรรคการเมืองมีเจ้าของพรรค อย่างนั้นไม่มีความเป็นประชาธิปไตย และต้องมีความรู้ ตั้งอยู่ในความดี สรรหาคนดีเข้ามา เพื่อเป็นรัฐบาลเป็นคนเก่งคนดีมาบริหารประเทศที่ได้ผล และเป็นผู้นำประชาชนในการใช้ความรู้ ความมีเหตุมีผล สันติวิธี รวมทั้งต้องช่วยสนับสนุนพรรคการเมืองให้มีความเป็นสถาบัน ไม่ใช่ปล่อยเป็นไปตามบุญตามกรรม

...

4.พลังพลเมืองที่กัมมันตะ หรือแอ็กทีฟ เหมือนการเล่นฟุตบอลที่มีกรอบ กติกา มีกลไกหรือกรรมการ สามารถโกงกันได้ ที่สำคัญคือคนดูทำให้ไม่เกิดการโกง ขณะที่การเมืองสนใจแต่กติกาและกลไก แต่ไม่สนใจคนดูที่จะกำกับให้โกงไม่ได้ ที่ต้องพลังจากพลเมือง ที่จะมีพลังที่เข้มแข็งได้ต่อเมื่อภาควิชาการมาช่วยคลี่ความซับซ้อนให้เข้าใจง่าย แล้วภาคการสื่อสารเข้ามาช่วยเสริมเชื่อมโยงให้กลายเป็นพลัง เมื่อรวมกันจะเป็นพลังกำกับการเมือง ทำให้ซื้อไม่ได้ เพราะมันเยอะ ต้องสร้างตรงนี้ให้คนเข้าใจ ไม่เช่นนั้นจะไปหวังลมๆ แล้งๆ กับรัฐธรรมนูญ

5.ต้องกระจายอำนาจให้ชุมชนท้องถิ่นที่เป็นฐานของประเทศให้มากที่สุด จะสร้างผู้นำได้เยอะ ฐานผู้นำจะใหญ่มาก ผู้นำประเทศเก่งจากต่างประเทศก็มาจากท้องถิ่นทั้งสิ้น ถ้าทำได้บ้านเมืองจะสงบเรียบร้อย รัฐประหารก็ทำไม่ได้ เพราะไม่รู้จะยึดอำนาจตรงไหน อำนาจกระจายไปหมดแล้ว แต่ถ้ายังรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ปัญหาต่างๆ เกิดจากการรวมศูนย์อำนาจ รวมถึงการคอร์รัปชัน

6.ปฏิรูประบบรัฐ เดิมรวมศูนย์อำนาจ ต้องปรับบทบาทเป็นผู้สนับสนุนเชิงนโยบายและความรู้

7.สร้างระบบเศรษฐกิจสมดุล เอาชุมชนเป็นตัวตั้ง อยู่บนฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

8.ไม่ละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะถ้าละเมิดแล้วจะมีคนต่อต้านและมีความรุนแรง เกิดรัฐประหารขึ้น และหากไม่ต้องการให้เกิดรัฐประหารอีก ควรเปิดทางให้มีการเสนอข้อคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ แยบคาย อย่าใช้ความหยาบคาย

9.การชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองต้องเป็นไปอย่างสันติ ตามกรอบกฎหมาย ดำรงรักษาระบบรัฐสภา อย่าไปยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบินอีก กองทัพหมดยุคฉีกรัฐธรรมนูญ

10.หากมีเหตุที่กองทัพต้องเข้ามาระงับความรุนแรง ควรทำหน้าที่เฉพาะรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ไม่ทำรัฐประหารหรือล้มล้างรัฐธรรมนูญ เพราะกองทัพระงับความรุนแรงได้ แต่ไม่ชำนาญการบริหารบ้านเมือง ต้องส่งเสริมประชาธิปไตยทั้ง 9 ข้อ และกองทัพต้องรักษาระบบรัฐสภา ต้องมีความสงบเรียบร้อยและมีประชาธิปไตย ไม่ใช่สงบเรียบร้อยแต่ไม่มีประชาธิปไตย ทุกฝ่ายต้องทำหน้าที่หมด บัญญัติ 10 ประการ ช่วยกันดูและช่วยกันทำตามนี้ ไม่อย่างนั้นจะทะเลาะกันเรื่องรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ถ้าสังคมและกองทัพเดินตามบัญญัติ 10 ข้อ ที่เกินกว่ารัฐธรรมนูญก็สร้างประชาธิปไตยแบบบูรณาการ ดังนั้นขอให้พยายามสื่อสารให้สังคมเข้าใจบทบัญญัติดังกล่าว ถ้าทำตามนี้ไม่มีเหตุให้รัฐประหาร เพราะไม่มีชุมนุมไม่รุนแรง ไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่ละเมิดสถาบัน ก็ไม่มีเหตุให้กองทัพเข้ามา เราต้องการประชาธิปไตยต้องร่วมกันสร้าง ปากต้องการให้มีประชาธิปไตย แต่ไปทำให้ไม่เกิดประชาธิปไตย.