“ครม.ลุงตู่” จัดหนักลุยนโยบายประชารัฐ ออกแพ็กเกจควัก 19,290ล้านบาท แจกเงินคนยากจน 8.3 ล้านราย อุ้มผู้มีรายได้น้อย แบ่งเป็น 5.4 ล้านคน คนละ 1,500-3,000 บาทตามเงื่อนไข ตั้งแท่นกดปุ่มตั้งแต่วันที่ 1-30 ธ.ค.59 เข้าบัญชีผู้ลงทะเบียนไว้ครั้งเดียวจบผ่าน ธ.ก.ส.-ออมสิน-กรุงไทย ขอให้สามแบงก์รัฐสำรองจ่ายล่วงหน้าไปก่อน รัฐจะจ่ายหนี้คืนทบต้นและดอกเบี้ยให้ ก่อนหน้านี้อนุมัติช่วยเกษตรกรยากจนไปแล้ว 2.9 ล้านราย “ประยุทธ์” หวังกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้กระเตื้อง เคาะค่าจ้างขั้นต่ำ 69 จังหวัดขยับ 5-10 บาท เพื่อเติมกำลังใจผู้ใช้แรงงาน กำชับ ขรก.ทุกกระทรวงจัดสัมมนาในประเทศ ลุ้นรัฐบาลประกาศมอบของขวัญปีใหม่ คนไทยเฮมติ ครม.ให้หยุดยาวช่วงปีใหม่เพิ่มรวมเป็น 4 วัน

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ภายหลังการประชุม นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยตามที่กระทรวงการคลังเสนอในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ หรือมาตรการแจกเงินให้ผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้ต่อปีต่ำกว่า 100,000 บาท รวม 5.4 ล้านคน จากที่ก่อนหน้านี้ ครม.อนุมัติช่วยเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยไปแล้ว 2.9 ล้านคนไปแล้ว ภายใต้วงเงิน 6,540 ล้านบาท โดยอนุมัติวงเงินงบประมาณปี 61 จำนวน 12,750 ล้านบาท ส่วนวิธีการแจกเงินจะใช้วิธีการโอนเข้าบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ตั้งแต่วันที่ 1-30 ธ.ค.59

นายณัฐพรกล่าวว่า สำหรับหลักเกณฑ์ในการแจกเงิน จะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ได้รับการตรวจสอบสถานะบุคคลและความถูกต้องของข้อมูลจากกรมสรรพากรและกรมการปกครองแล้ว โดยต้องเป็นผู้ที่ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินจากรัฐบาล 3,000 บาทต่อคน มีจำนวนผู้มีสิทธิ์ 3.1 ล้านคน ใช้วงเงิน 9,300 ล้านบาท และผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินช่วยเหลือ 1,500 บาทต่อคน มีผู้มีสิทธิ์ 2.3 ล้านคน ใช้งบประมาณ 3,450 ล้านบาท ภายหลังจากที่ธนาคารได้ทำการโอนเงินเข้าบัญชีผู้มีรายได้น้อยเรียบร้อยแล้ว สามารถตรวจสอบเงินในบัญชีได้ภายใน 7 วันนับจากวันที่ธนาคารแจ้งการโอนเงิน หากไม่มีเงินโอนเข้าบัญชี ให้ไปยืนยันสิทธิ์กับธนาคารที่ได้ลงทะเบียนไว้ และหากผู้มีสิทธิ์มีบัญชีเงินฝากมากกว่า 1 บัญชีธนาคารจะทำการโอนเงินเข้าบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวล่าสุด ส่วนกรณีผู้มีสิทธิ์ไม่ใช่เป็นลูกค้าของธนาคารให้ไปเปิดบัญชีเงินฝากที่สาขาธนาคารที่ไปลงทะเบียนตามโครงการเอาไว้ด้วย ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนที่ตรวจสอบจากเว็บไซต์ของกรมสรรพากรแล้วไม่ปรากฏชื่อให้นำเอกสารหลักฐานที่ธนาคารผู้รับลงทะเบียนให้ไว้ไปติดต่อที่สาขาธนาคารที่ไปลงทะเบียนไว้ภายใน 15 ธ.ค.59 ด้วย

...

นายณัฐพรกล่าวอีกว่า ส่วนการจ่ายเงินให้ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย สำรองค่าใช้จ่ายไปก่อน รัฐบาลจะนำงบประมาณในปี 61 มาจ่ายคืนชดเชยให้ทั้งต้นทุนและดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ 4 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) บวก 1% (ปัจจุบัน FDR=1.225% ต่อปี) ส่วนเหตุผลของการดำเนินโครงการนี้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนที่มีรายได้น้อย มีสัญญาณชะลอตัว อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจมีความเปราะบางส่งผลให้ผู้มีรายได้น้อยที่อยู่ในภาคเกษตรและนอกภาคการเกษตรมีความเสี่ยงด้านรายได้เพื่อการอุปโภคบริโภคมติ ครม. 27 ก.ย.59 จึงเห็นชอบให้ดำเนินมาตรการนี้กับเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยไปแล้ว ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยทั้งหมด จึงเห็นควรให้มีมาตรการเพิ่มรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ใช่เกษตรกร

ทางด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือกลุ่มคนเมืองที่มีรายได้น้อย ประกอบอาชีพอิสระให้ใช้ชีวิตอยู่ได้ จากนี้ไปจะยังมีมาตรการออกมาเพิ่มเติมอีก เช่น การช่วยเหลือคนสูงอายุ ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปหามาตรการมาดูแลต่อไป แนวทางการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยด้านการเดินทาง ที่อาจใช้กลไกพร้อมเพย์และใช้บัตรเพียงใบเดียว สามารถนำมาใช้โดยสารรถสาธารณะได้ โดยนายกรัฐมนตรีพูดรวมไปถึงการใช้บริการรถไฟฟ้าฟรีในบางเส้นทาง แต่ไม่ใช่ตลอดทุกเส้นทาง

ส่วนนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการดังกล่าว เป็นการช่วยเหลือประชาชนในกลุ่มที่มีรายได้น้อยให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เมื่อมีการจ่ายเงินลงไปถึงกลุ่มเป้าหมายจะเกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ วงเงินประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท ที่ใช้ในมาตรการนี้ ถือว่าไม่มากนัก ส่วนมาตรการที่จะนำมากระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นการลงทุนโครงสร้างคมนาคมที่จะเกิดขึ้นในปี 60 มากกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะ รัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นว่า มาตรการเพิ่มรายได้ให้ผู้มีรายได้น้อยตามโครงการสวัสดิการของรัฐ รวมทั้งวงเงินสำหรับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรเป็นวงเงินที่สูง ดังนั้น กระทรวงการคลังต้องดำเนินการติดตามและประเมินผลการดำเนินมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการฯ และนำเสนอผลการดำเนินการและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นำเสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศและ ครม.รับทราบต่อไป

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึง ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มรายได้ให้ผู้ที่มีรายได้น้อยว่า ขอร้องว่ามาตรการดังกล่าวอย่าใช้คำว่ารัฐบาลแจกเงิน ถือเป็นมาตรการช่วยเหลือให้กับผู้มีรายได้น้อย ตามที่เคยประกาศให้ไปขึ้นทะเบียนสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย เพื่อดูแลประชาชนที่มีอาชีพอื่นๆ นอกเหนือจากเกษตรกร เป็นการทำต่อเนื่องจากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้ทำมาแล้วหลายครั้ง “ผมมีความเป็นห่วงประชาชน ที่มีอาชีพอื่นๆด้วย และจะมีมาตรการอื่นๆออกมาอีก เช่น การดูแลค่าใช้จ่ายการเดินทาง การใช้ตั๋วร่วม รวมทั้งการเชื่อมโยงการขึ้นรถเมล์และรถไฟฟรี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกคน ทั้งหมดมี 8 ล้านคน และมาตรการช่วยเหลือจะมีอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีเงินลงไปจะเกิดกระบวนการตั้งแต่ผู้บริโภคถึงผู้ผลิตผู้จัดจำหน่าย จะเกิดการใช้จ่ายเงินในระบบมากขึ้น ถือเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.มีมติรับทราบตามข้อเสนอของกระทรวงแรงงาน ให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 69 จังหวัดทั่วประเทศ 5-10 บาท ถึงแม้จะไม่มากแต่เป็นการให้กำลังใจก่อน เนื่องจากต้องคำนึงถึงผู้ประกอบการด้วย เมื่อผ่านไปอีกระยะหนึ่งอาจจะได้เพิ่มมากกว่านี้ ส่วนมาตรการวันขึ้นปีใหม่ จะมีหลายๆมาตรการออกมา ต้องรอฟังการประกาศอีกครั้งว่า ในช่วงปีใหม่จะมีอะไรออกมา ทั้งเรื่องจับจ่ายใช้สอย การท่องเที่ยว การใช้จ่ายเงินซื้อของ ในช่วงปีใหม่นี้ขอให้ทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวง ถ้าเป็นไปได้ขอให้จัดสัมมนาภายในประเทศ ส่วนด้านการท่องเที่ยว เราจำเป็นต้องเอานักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยมากขึ้นในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ เพราะเป็นช่วงวาระพิเศษ ฉะนั้น จะติเตียนใครมากไม่ได้ ทุกคนพยายามเต็มที่แล้ว ขออย่าไปพูดเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะเราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น วันนี้ต้องพูดถึงทัวร์ที่ผิดกฎหมายกับถูกกฎหมาย ใครทำถูกเราจะเข้าไปช่วยเหลือ ดูแลให้มีประสิทธิภาพ

ทางด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.มีมติรับทราบประกาศคณะกรรมการค่าจ้างในการปรับค่าจ้างขั้นต่ำใน 69 จังหวัดสำหรับปี 60 นับเป็นการปรับค่าจ้างขั้นต่ำครั้งแรกในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศไทยได้เพิ่มขึ้น 300 บาท ทั่วประเทศเมื่อวัน 1 ม.ค.56 ในครั้งนี้มี 7 จังหวัดเพิ่ม 10 บาท เป็น 310 บาท ประกอบด้วย กทม. นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และภูเก็ต ส่วน 13 จังหวัดที่เป็นจังหวัดหลักด้านอุตสาหกรรมและท่องเที่ยว เช่น ชลบุรี เชียงใหม่ โคราช อยุธยา จะเพิ่ม 8 บาท เป็น 308 บาท ส่วน 49 จังหวัดเพิ่มอีก 5 บาท เป็น 305 บาท และ 8 จังหวัด ไม่มีการปรับเพิ่ม ประกอบด้วย ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา ระนอง สิงห์บุรี เพราะเป็นจังหวัดที่มีโรงงาน ไม่มาก ไม่มีความต้องการปรับเพิ่มค่าแรง และได้สอบถามกระทรวงแรงงาน เขาชี้แจง 8 จังหวัดไม่ได้เสนอเพิ่มค่าแรงเอง โดยเฉลี่ยทำให้ค่าแรงของไทยเพิ่มขึ้น 1.7 เปอร์เซ็นต์ นายกฯ ฝากบอกว่าการปรับค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้ ขออย่าให้เป็นการปรับขึ้นของราคาสินค้าต่างๆ เพราะอยากปรับรายได้เพื่อให้ดำรงชีพได้ดีขึ้น

ส่วน พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมมีมติให้เพิ่มวันหยุดชดเชยวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2 วัน คือวันที่ 2-3 ม.ค.60 จากเดิมกำหนดให้วันที่ 31 ธ.ค.59 และวันที่ 1 ม.ค.60 เป็นวันหยุดราชการ ดังนั้นวันหยุดเทศกาลปีใหม่จะมีทั้งสิ้น 4 วัน