ป.ป.ท.ตั้งอนุฯ ไต่สวน 853 คดีข้าวเสียหายสัปดาห์หน้า เผย สอบคดีละ 1 โกดัง หวั่น ทำงานไม่ทัน เปิดช่องอำนวยความสะดวกเต็มที่ มั่นใจ 6 เดือน สางงานเสร็จ

วันที่ 8 ต.ค. นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐบาล (ป.ป.ท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวอีกร้อยละ 80 กว่า 853 คดีว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาเบื้องต้น เพื่อสรุปเรื่องเป็นรายคดี ก่อนเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณาตั้งอนุกรรมการไต่สวนและรวบรวมเอกสาร หลักฐานเพื่อสรุปข้อมูล ซึ่งจะต้องพิจารณาทั้งผู้กล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหา และพฤติการณ์อย่างรอบคอบก่อนส่งฟ้องศาล

นายประยงค์ กล่าวว่า ขณะนี้ ป.ป.ท.ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้แล้ว จากนั้นจะทยอยเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ท. คาดว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถเสนอตั้งอนุกรรมการไต่สวนได้หลายคดี และมั่นใจว่า จะสามารถดำเนินการส่งฟ้องให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน ได้ ทั้งนี้ ด้วยความที่การเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวอีกร้อยละ 80 มีกว่า 853 คดี จึงกังวลจะเกิดความล่าช้าในการส่งฟ้อง จึงเห็นว่า แม้จะไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายการทำงานของอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงได้ แต่ก็จะอำนวยความสะดวกด้านธุรการให้ได้มากที่สุด เพื่อให้การทำคดีดำเนินการได้ทันตามกรอบเวลาที่ตั้งไว้

“กรณีดังกล่าวจะมี 1 อนุกรรมการต่อ 1 คดี เมื่อมี 853 คดี จึงมี 853 อนุกรรมการ แต่เนื่องจาก ป.ป.ท.มีคนน้อย ดังนั้น คนหนึ่งคนอาจจะเป็นหลายอนุกรรมการ เพื่อให้ทั่วถึง ทั้งนี้ การตั้งอนุกรรมการไต่สวนจะพิจารณาตามโกดังข้าวที่มีอยู่ เช่น 1 อนุกรรมการต่อหนึ่งโกดังข้าว ในโครงการรับจำนำข้าวมีการเช่าคลังสินค้าหรือโกดังจำนวนมาก คดีจึงมากตามมา และต้องเรียนว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีต้นเรื่องมีอยู่ว่า องค์การคลังสินค้า (อคส.) กับองค์การตลาด ร้องโทษกล่าวทุกข์กับกองปราบปรามฯ ว่า มีการกระทำความผิด ก่อให้เกิดความเสียหาย โดยพนักงานสอบสวนตรวจสอบแล้วพบว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงส่งเรื่องมาที่ ป.ป.ท. ซึ่งโครงการรับจำนำข้าวจะมีกรณี เช่น ข้าวหาย ข้าวไม่มีคุณภาพ เป็นต้น” นายประยงค์ กล่าว

...