เหวง ไม่แคร์คำฮิต “อย่ามาเหวง” ชี้เป็นการทำลายล้างทางการเมือง วอนชาวเน็ตเปลี่ยนความหมายเป็น “ทะลุทะลวงอำมาตย์ปรุโปร่ง”..
กลายเป็นศัพท์ฮิตติดปากวัยรุ่นและนักท่องเน็ตไปแล้ว สำหรับประโยค "อย่ามาเหวง" อันมีที่มาจากการนัดเจรจาระหว่างแกนนำเสื้อแดง นายวีระ มุสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.เหวง โตจิราการ กับฝ่ายรัฐบาลนำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันที่ 28 และ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ศัพท์ดังกล่าวถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายแทนความหมายของการพูดมั่ว พูดวกวน พูดไม่รู้เรื่อง
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ "ไทยรัฐออนไลน์" เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ถึงกระแสคำฮิตดังกล่าว โดยยืนยันว่า ไม่รู้สึกอึดอัด และไม่เป็นปัญหา เพราะว่าตนทำหน้าที่ในการทิ่มแทงระบอบอำมาตย์ เพราะฉะนั้นสัญลักษณ์ของตน น่าจะเป็นสัญลักษณ์แห่งการทิ่มแทงระบอบอำมาตย์ มากกว่า ส่วนศัตรูก็จะมองเห็นว่า ตนไม่เป็นที่พอใจของเขา จึงพยายามทำลายล้าง ดิสเครดิตตน
เมื่อถามว่า เครียดหรือไม่กับกรณีคำศัพท์ฮิต “อย่ามาเหวง” แม้แต่ในสภาผู้แทนราษฎร ก็ยังมีการหยิบยกมาพูด นพ.เหวง กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะตนไม่ได้รู้สึกอะไร ตนไม่ได้ทำอะไรผิด และสิ่งที่ทำนั้นเป็นผลประโยชน์ต่อชาติ เพราะต้องการทิ่มแทงระบอบอำมาตย์
"จริงๆ แล้ว ชื่อ "เหวง" นั้นเป็นชื่อที่ดี เป็นคำแผลงมาจากภาษาจีน แปลว่า สว่างไสว รุ่งโรจน์ อะไรประมาณนี้ ไม่มีปัญหา มันเป็นธรรมดาที่ศัตรูทางการเมืองเอาไปเผยแพร่และพยายามทำลายผม เพราะเรื่องนี้เป็นการเริ่มต้นจากศัตรูทางการเมือง สำนักงานใหญ่แถวบางนาได้เสนอก่อน แล้วหยิบยกลงมาหนังสือพิมพ์ กระพือข่าวออกไป ทำลายความชอบธรรมของผม เป็นการต่อสู้ทางการเมืองครับ เพราะในเน็ตบอกว่าผมเป็นการทิ่มแทงระบอบอำมาตย์ได้อย่างดี ทิ่มแทงนายกรัฐมนตรีได้อย่างยอดเยี่ยม ก็แล้วแต่มุมมอง"
นพ.เหวง ยังยืนยันว่า ในการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับ นปช. ตนได้มีการสื่อสารอย่างชัดเจน เป็นเรื่องปรัชญาอุดมการณ์ เป็นเรื่องรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นใช้เวลาแค่นั้นน้อยที่สุดแล้ว เพราะปรัชญารัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องใหญ่ กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีถามมาว่า ยุบสภาแล้วได้อะไร ตนก็ตอบว่าได้ประโยชน์ในการแก้ปัญหารากฐานของความคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือเรื่อง "อำมาตยธิปไตย" กับ "ประชาธิปไตย" และ เรื่องที่สอง คือ นายอภิสิทธิ์ ลากไปคุยเรื่อง ประชามติ เรื่องรัฐธรรมนูญ ตนจึงจำเป็นต้องชี้แจงว่าจริงๆ ว่า เรื่องประชามติ แท้ที่จริงมันทำลายหลักประชาธิปไตย ซึ่งมันต้องอธิบายนิดหน่อย ตนไม่ได้ทำอะไรเลย
“ผมทำเรื่องรัฐธรรมนูญมา 42 ปีแล้ว ดังนั้นการใช้เวลาน้อยๆ เพื่ออธิบายนั้น มันไม่ได้ เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องการเมือง ทำลายผมทางการเมือง แต่ขอบอกว่าทำลายผมไม่ได้หรอกครับ เพราะชื่อผมก็ชื่อผม ไม่เห็นจะเป็นอะไร ผมก็ตัวผม แต่ทีนี้มันสื่อสารผิด มันน่าจะหมายถึงทิ่มแทงอำมาตย์อย่างทะลุปรุโปร่งมากกว่า ช่วยแก้ให้หน่อย เพราะเป็นการใส่ร้ายป้ายสีผม แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก” นพ.เหวง กล่าวในที่สุด.
...