“บิ๊กตู่” นำทีมรองนายกฯแถลงผลงานครบ 2 ปี ปลาบปลื้มกระตุ้น ศก.จนกระเตื้อง ยกดัชนีชี้วัดจากสารพัดหน่วยงาน-องค์กรนานาชาติ ประสบผลสำเร็จทุกด้าน ทั้งปราบผู้มีอิทธิพล-จัดการทุจริตคอร์รัปชันทุกระดับ-จัดระเบียบสังคม ฟุ้งทำคลอด ก.ม.ลบสถิติทุกรัฐบาล พร้อมเดินหน้ามุ่งสู่โรดแม็ประยะที่ 3 ขอจัดระเบียบให้จบก่อนส่งไม้ต่อรัฐบาลใหม่ในอีกปีเศษ โชว์ลูกคอเหน็บ “ไม่สวยแล้วยังจะปากเสีย” “บิ๊กเข้” โต้เป็นรัฐมนตรีที่โลกลืม “วิษณุ” ยันไม่เสพติด ม.44 บอกจากนี้ไปจะใช้ให้น้อยลง กรธ.เห็นดีว่าที่นายกฯต้องดีเบต “นิพิฏฐ์” เอาด้วยได้เห็นวิสัยทัศน์ “เต้น” เย้ยผลงานไม่เจ๋งจริงอย่างพูด เนติบริกรแย้มใกล้ปิดบัญชีเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจาก “ปู” ยันแก้ระเบียบฯไม่เกี่ยวกับคดี
การบริหารงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังมุ่งเข้าสู่โรดแม็ป ระยะที่ 3 เพื่อจัดระเบียบประเทศก่อนส่งไม้ต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้ฤกษ์นำทีมแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 2 ปี ยืนยันประสบผลสำเร็จในทุกด้าน
“บิ๊กตู่” นำทีมโชว์ผลงานครบ 2 ปี
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ก.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำรองนายกรัฐมนตรี 5 ฝ่ายแถลงผลงานครบรอบ 2 ปีรัฐบาล คสช. มีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผบ.เหล่าทัพ และหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า น่ายินดีที่ได้เห็นรอยยิ้มกลับคืนสู่ใบหน้าคนไทย ห้วง 2 ปีแรก ที่รัฐบาลและ คสช.เข้ามาบริหาร ผลการทำงานเป็นที่ประจักษ์มีผลสัมฤทธิ์ ทำให้การประเมินขององค์กรต่างๆต่อประเทศไทย เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นน่าพอใจ ทั้งด้านเสถียรภาพและความมั่นคงทางการเมือง ความโปร่งใสในการ บริหารงานภาครัฐ จำนวนเหตุการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลง คดียาเสพติดลดลง ผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (CPI) เกือบ 180 ประเทศทั่วโลก ดีขึ้นทุกปีต่อเนื่อง เมื่อปี 2556 เราอยู่อันดับที่ 102 ปัจจุบันอยู่อันดับที่ 76
...
ปลาบปลื้มกระตุ้น ศก.กระเตื้อง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนด้านเศรษฐกิจและสังคม ผลประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง ปี 2559 คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 3.2 สัดส่วนมูลค่า SMEs ต่อ GDP ปี 59 มีแนวโน้มสูงขึ้นร้อยละ 42.3 ขีดความสามารถการแข่งขันด้านคมนาคมทางบก ทางอากาศ ความน่าลงทุนดีขึ้น องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศการจัดอันดับดัชนี e-Government ล่าสุด ประเทศ ไทยอยู่อันดับที่ 77 สถาบันการจัดการนานาชาติ (IMD) จัดอันดับขีดความสามารถการแข่งขัน อยู่อันดับที่ 28 ในปี 58 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 30 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 1.44 ล้านล้านบาท สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก บลูมเบิร์กจัดอันดับให้ไทยมีความทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลก เป็นประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลกเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่องกัน นิตยสารนิวส์ แอนด์เวิลด์ รีพอร์ต จัดอันดับ 60 ประเทศที่ดีที่สุดในปี 2016 ไทยอยู่ในลำดับที่ 21 สูงสุดในอาเซียน และยังระบุว่าประเทศไทยน่าท่องเที่ยวผจญภัย เป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับ 4 จาก 60 ประเทศที่ดีที่สุด วัดจากความสวยงามทางธรรมชาติ มรดกทางประเพณีและวัฒนธรรม ลักษณะประชากรและคุณภาพชีวิต โอกาสในการประกอบการ โอกาสด้านธุรกิจ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และการเมือง
ฟุ้งทำคลอด ก.ม.ลบสถิติทุกรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ด้านกฎหมายและการต่างประเทศ ออกกฎหมายที่จำเป็นได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ การแก้ปัญหางาช้าง ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ทำให้รอดพ้นจากการถูกคว่ำบาตรทางการค้าจาก CITES แก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่ถือเป็นวาระแห่งชาติ มีความคืบหน้าจนสหรัฐอเมริกาปรับระดับในรายงานการค้ามนุษย์ หรือ TIP Report ประจำปี 2559 ให้ไทยดีขึ้น อาจส่งผลดีต่อการแก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (IUU) ของทาง EU เพราะเชื่อมโยงกัน โดยสินค้าประมงไทยมีมูลค่าการส่งออกกว่า 240,000 ล้านบาทต่อปี
ดันแผนปฏิรูปกองทัพ–ตำรวจ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ด้านความมั่นคง รัฐบาลทำให้การเผชิญหน้า แตกแยก แบ่งฝักฝ่ายลดน้อยลง คนไทยอยู่กันอย่างสงบสุขขึ้น รวมทั้งวางแนวทางปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปตำรวจ ให้เป็นที่พึ่งของประชาชน ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนด้านสังคม มีการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ทุจริตคอร์รัปชันทุกระดับ จัดระเบียบสังคม จัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ จัดการปัญหาบุกรุกคูคลองพื้นที่สาธารณะ ผลักดันสวัสดิการทางสังคมดูแลผู้ด้อยโอกาสและผู้มีรายได้น้อย กำหนดให้เด็กไทยเรียนดีอย่างมีคุณภาพ 15 ปี ที่สำคัญมีการปรับปรุงกฎหมายให้ทุกคนในสังคมมีความสุขร่วมกัน คนมีมากควรแบ่งปันมากด้วยภาษีมรดก ภาษีที่ดิน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำสังคม ส่วนด้านการต่างประเทศ ตน และ ครม. โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศทำงานหนักในทุกเวที จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นประธานกลุ่มประเทศ จี 77
ขอบคุณกำลังใจจากผลประชามติ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาล และคสช.ทำบางอย่างสำเร็จแล้ว บางอย่างเริ่มทำตามห้วงเวลา บางอย่างวางแผนแม่บทไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้รัฐบาลใหม่ ทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งการออกกฎหมายลูก กฎหมายในเชิงบูรณาการหน่วยงานและงบประมาณ รัฐบาลและ คสช.ขอบคุณประชาชน ข้าราชการ ภาคธุรกิจ เอกชน ที่เข้าใจและสนับสนุนให้รัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงผ่านประชามติ และให้กำลังใจรัฐบาลเสมอมา ปัจจุบันเป็นระยะที่ 2 ของโรดแม็ป คือ เริ่มต้นปฏิรูปในเชิงโครงสร้าง ปฏิรูปการบริหารราชการ และการจัดทำแผนที่นำทางไปสู่อนาคต ถ้าไม่ทำวันนี้โอกาสประเทศไทย โอกาสของคนไทยจะสูญเสียไปมหาศาล และยากจะเรียกกลับคืนมาได้
ย้ำเป้าหมายสร้างไทยแลนด์ 4.0
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ภารกิจสำคัญของรัฐบาลจากนี้ คือ สร้างฐานรากสู่อนาคต ตามโมเดลไทยแลนด์ 4.0 การแก้ปัญหาที่ผ่านมา แก้ด้วยกฎหมายปกติภายใต้ระบอบประชาธิปไตย แม้เราจะมาแบบนี้แต่การใช้อำนาจพิเศษ เพียงเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย รักษาสถาบัน เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็ผ่อนคลาย การเมืองที่ไม่มีธรรมาภิบาล ไม่เคารพกฎหมาย เบี่ยงเบนประเด็น หาผลประโยชน์เพื่อกลุ่มตนพวกพ้อง ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม ล้วนทำลายชาติ เป็นภัยร้ายแรง ต้องถูกขจัดให้หมด ขอความร่วมมือกับประชาชนให้ช่วยกัน แต่ตีรัฐบาลทุกวัน จับผิดทุกเรื่อง
อีกปีเศษส่งไม้ต่อให้รัฐบาลใหม่
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ภารกิจรัฐบาลชุดนี้ในอีกปีเศษข้างหน้า เป็นระยะที่ 3 ของโรดแม็ป เพื่อส่งไม้ต่อส่งมอบหน้าที่ต่อให้รัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้ง ที่ต้องรับภาระหน้าที่บริหารประเทศช่วงเปลี่ยนผ่าน ถ้าเปลี่ยนผ่านสำเร็จเราจะมีโอกาสยกฐานะไปสู่ประเทศในโลกที่ 1 เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีรายได้เฉลี่ยประชากรสูงขึ้น มีระบบสวัสดิการที่สมบูรณ์ มีคุณภาพชีวิตที่ดี ปัญหาสังคมปัญหาอาชญากรรมลดลง มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความสุขสงบเกิดขึ้นทุกพื้นที่ การเมืองมีเสถียรภาพ นักการเมืองมีธรรมาภิบาล สังคมมีกฎกติกา ผู้คนมีระเบียบวินัย เศรษฐกิจเจริญเติบโตเข้มแข็ง ประเทศไทยมีพื้นที่ยืนในเวทีโลกอย่างสง่างาม ขอบคุณประชาชนที่เข้าใจ และไว้วางใจรัฐบาล ยืนยันว่ารัฐบาลและ คสช. จะอยู่เคียงข้างท่าน ขอให้ทุกท่านอยู่เคียงข้างประเทศไทย ร่วมแรงร่วมใจ ร่วมมือกันปฏิรูปประเทศ มั่นใจว่าทุกเรื่องเป็นจริงได้ถ้าคนไทยทุกคนร่วมมือ ร่วมใจ เดินไปด้วยกันทุกคน
“บิ๊กป้อม” คุยแก้มั่นคงได้ทุกมิติ
จากนั้นรองนายกฯที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลงานแต่ละด้านทยอยแถลงผลงานต่อ เริ่มที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม กำกับดูแลด้านความมั่นคง แถลงว่า 2 ปีที่ผ่านมา ปัญหาความมั่นคงได้รับการแก้ไขจนเกิดผลสัมฤทธิ์ทุกมิติ ด้านต่างประเทศและอาเซียน ได้ร่วมปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพในกรอบองค์การสหประชาชาติ อาทิ เตรียมส่งกำลังเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจ ณ สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน ตั้งศูนย์แพทย์อาเซียน ส่วนการรักษาความสงบภายในประเทศ อาทิ ยาเสพติด แรงงานต่างด้าวหนีเข้าเมือง แก้ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ขณะที่นโยบายเร่งด่วนคือการแก้ไขปัญหาข้อตกลงระหว่างประเทศ อาทิ การทําประมงผิดกฎหมาย ปัญหาการบินพลเรือน แก้ปัญหาค้ามนุษย์ ทำให้ไทยได้รับการยกระดับจากเทียร์ 3 ขึ้นมาอยู่ในระดับเทียร์ 2 รวมถึงการจัดระเบียบสังคม แก้ปัญหาที่ดิน สลากกินแบ่งรัฐบาล ปราบมาเฟีย และกำจัดผักตบชวา
“ธนะศักดิ์” โวทำท่องเที่ยวยอดพุ่ง
ด้าน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบด้านวัฒนธรรม ท่องเที่ยว กีฬา กล่าวว่า มั่นใจว่ารัฐบาลทำสำเร็จตามเป้าและเกินเป้าด้วยซ้ำ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 29.8 ล้านคน อยู่อันดับที่ 11 ของโลก สร้างรายได้ 1.44 ล้านล้านบาท หากรวมนักท่องเที่ยวชาวไทยด้วย จะมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2.23 ล้านล้านบาท ในปี 2559 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวน 33 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.28 จากปีก่อน นอกจากนี้ยังได้จัดทำ Digital ourism และ Tourism Intelligent Center ให้พร้อมใช้ ก.ย.นี้ และมีการทำแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 2 กวดขันจับกุมบริษัทนำเที่ยวที่กระทำผิดกฎหมาย รวมถึงบริษัทนอมินี
“บิ๊กเข้” โต้เป็นรัฐมนตรีที่โลกลืม
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบด้านสังคม กล่าวว่า จากผลโพลระบุว่าตนเป็นรัฐมนตรีโลกลืม แต่เชื่อว่าผลดำเนินงานฝ่ายสังคม คงไม่ลืมเลือนในสิ่งที่สร้างผลงานไว้ ช่วงปีที่ผ่านมารัฐบาลมุ่งเน้นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ควบคู่การวางรากฐานสังคมให้มั่นคงเข้มแข็ง ผลงานที่ผ่านมา ได้พัฒนาที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย 2.7 ล้านครัวเรือน ตามโครงการพื้นฟูชุมชนดินแดง ริมคลองลาดพร้าว และปทุมธานีโมเดล และยังสนับสนุนอุดหนุนการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดที่ยากจน ให้ได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ เพิ่มเงินอุดหนุนเป็นรายละ 600 บาทต่อเดือน เพิ่มเงินพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเป็น 800 บาทต่อคน ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ เตรียมความพร้อมผู้สูงอายุ รวมถึงงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
ช่วยชาวนา–สวนยาง–แก้ประมง
ขณะที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพลังงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้านการศึกษาได้ปฏิรูปหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ ขับเคลื่อนโรงเรียนประชารัฐ เร่งผลิตครูรุ่นใหม่ภายใน 10 ปี กว่า 40,000 อัตรา ผลักดันให้โรงเรียนเข้าถึงการบริการอินเตอร์เน็ตครบกว่า 8,000 แห่ง ส่วนด้านพลังงาน ได้แก้ไขปัญหาโครงสร้างราคาพลังงาน ปลดล็อกอุปสรรคการส่งเสริมพลังงานทดแทน จัดทำแผนบูรณาการพลังงานระยะยาว ด้านไอซีทีเตรียมเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 จัดทำแผนแม่บทใน 6 ยุทธศาสตร์ ด้านเกษตรและสหกรณ์ ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เกษตรกรชาวสวนยาง แก้ปัญหาภัยแล้ง รวมถึงปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ดำเนินนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร บริหารจัดการสินค้าเกษตรแบบครบวงจร
“วิษณุ” โชว์พาวทำไม่ได้เดี๋ยวจัดให้
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านกฎหมาย กล่าวว่า ช่วง 7 ปีก่อนที่รัฐบาลคสช.จะเข้ามา รัฐบาลออกกฎหมายได้เพียง 120 ฉบับ เฉลี่ยปีละ 17 ฉบับ เพราะสถานการณ์ไม่อำนวย แต่ช่วง 2 ปีรัฐบาล คสช.สามารถออกกฎหมายได้ถึง 187 ฉบับ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อีก 27 ฉบับ มีการใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆ อีก 104 ฉบับ ทั้งหมดคือเครื่องมือขับเคลื่อนประเทศ ไม่ใช่แค่ปริมาณแต่มีมาตรการควบคุมคุณภาพด้วย เพราะวันที่ คสช.เข้ามา ตั้งฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ปรากฏว่ามีปลัดกระทรวง 20 กระทรวงเข้ามาขอให้ช่วยออกฎหมายกว่า 300 ฉบับ เพราะก่อนหน้านี้ออกไม่ได้เจอปัญหาสารพัด อีก 1 ปีข้างหน้าจะมีกฎหมายทะลักออกมาอีกกว่า 100 ฉบับ รวมถึงร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม ที่ไม่ได้มีผลแต่เฉพาะตัวรัฐมนตรี แต่รวมไปถึงข้าราชการและเจ้า หน้าที่ 2 ปีที่ คสช.เข้ามา ได้ปลดเปลื้องปัญหาจำนวนมาก ลดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม
ยันไม่เสพติด ม.44 จะใช้น้อยลง
นายวิษณุกล่าวอีกว่า ใน 1-2 วันนี้ จะเรียกประชุมทุกกระทรวงร่วมกับฝ่ายกฎหมาย คสช. เพื่อหารือเรื่องการออกกฎหมายตามที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่บังคับ ต้องทบทวนคำสั่ง คสช.ทั้ง 104 ฉบับ ว่าฉบับใดบ้างควรยกเลิก คงไว้ หรือควรแปลงไปเป็น พ.ร.บ. เพราะเห็นว่าเมื่อบ้านเมืองเป็นปกติ ไม่ควรมีคำสั่ง คสช.อยู่อีก เราไม่ควรทิ้งภาระให้กับรัฐบาลชุดใหม่ ยืนยันว่า ไม่ได้เสพติดการใช้อำนาจตามมาตรา 44 นับจากนี้รัฐบาลจะใช้มาตรา 44 ให้น้อยลง แต่ทุกวันนี้ยังคงมีหลายหน่วยงานร้องขอให้ใช้อยู่ เพราะต้องการความรวดเร็วในการแก้ปัญหา แต่เราถือว่าคำสั่ง คสช.เป็นกฎหมายที่หากร่างโดยไม่ใช้ความละเอียดรอบคอบแล้ว วันหนึ่งเกิดทะเลาะกันจนเรื่องขึ้นศาล ศาลอาจตีความไม่ถูก เพราะศาลจะดูที่เจตนาเป็นหลัก ฉะนั้นในบางเรื่องไม่ควรออกเป็นคำสั่ง คสช.