ศาลฎีกาฯ อ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ อดีตนายก​ฯ​ ทักษิณ​ ชินวัตร 7.6 หมื่นล้านบาท ชี้ ยังถือครองหุ้นในบริษัทชินคอร์ป และ เอื้อประโยชน์ 5 กรณี มีมติเสียงข้างมาก ยึดเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท พร้อมดอกผล...

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้เริ่ม อ่านคำพิพากษา ตั้งแต่ เวลา 13.00 น. จนถึงเวลาประมาณ 21.00 น.​ได้มีคำพิพากษาในหลายประเด็น เริ่มมาตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ​ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังถือหุ้นอยู่ในบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีประเด็นที่อ่านคำพิพากษามาแล้วดังนี้

องค์คณะผู้พิพากษา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเอกฉันท์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกั ด (มหาชน) สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 สมัย จนกระทั่งมีการขายหุ้นชินคอร์ป ให้เทมาเส็กของสิงคโปร์

ศาลฎีกาฯ  มีมติเสียงข้างมาก พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจในการเอื้อประโยชน์กับบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จริงทำรัฐเสียหาย

ศาลฎีกาฯ มีมติ เสียงข้างมากมีความเห็นกรณีการแปรสัญญาสัมปทานเป็น ภาษีสรรพสามิตในกิจการโทรคมนาคมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจหน้าที่ในการตรา พ.ร.ก. 2 ฉบับ และ ประกาศ กระทรวงการคลัง รวมทั้งมีมติ ครม. ให้นำภาษีสรรพสามิตออกจากสัญญาสัมปทาน ถือเป็นการกีดกันผู้ประกอบการรายอื่น และเอื้อประโยชน์บริษัท ชินคอร์ป อันเป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหาย

ศาลฎีกาฯ มีมติเสียงข้างมาก พ.ต.ท.ทักษิณ แก้สัญญาโทรศัพท์มือถือระบบเติมเงิน (พรีเพด) พ.ต.ท.ทักษิณ​ เอื้อประโยชน์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส

ศาลฎีกา ฯ มีมติเสียงข้างมาก การลดค่าโรมมิ่งระบบ เอไอเอส พ.ต.ท.ทักษิณ​ไม่เกี่ยวข้อง

ศาลฎีกาฯ มีมติเสียงข้างมาก การขอส่งเสริมการลงทุนดาวเทียมไอพีสตาร์เป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทชินคอร์ป และบริษัทไทยคม

...

ศาลฎีกาฯ มีมติเสียงข้างมาก การปล่อยเงินกู้ให้ประเทศพม่า เพิ่มเติม พ.ต.ท.ทักษิณ เอื้อประโยชน์ บริษัทชินคอร์ปและบริษัทไทยคม

ศาลฯ มีมติเสียงข้างมาก พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี เอื้อบริษัทชินคอร์ปทั้ง 5 กรณี ส่วนกรณียึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน ไม่ยึดเงินจำนวน 30,247 ล้านบาท แต่ยึดเงินจำนวน 46,373,687,454 ล้านบาท (4.6หมื่นล้านบาท) พร้อมดอกผล