โฆษก รบ. ชี้ สถานการณ์ของประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น บ้านเมืองสงบ ไม่หวั่น เหตุก่อกวนการลงประชามติ แม้มีบางกลุ่มจ้องก่อกวน ย้ำ เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 16 ก.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์โดยรวมของประเทศในขณะนี้พบว่า มีแนวโน้มเป็นบวก ทั้งในด้านความสงบเรียบร้อย เศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการขับเคลื่อนประเทศตามโรดแม็ป และการปฏิรูปในด้านต่างๆ แม้ว่า ในบางประเทศจะมีเหตุก่อการร้ายและความไม่สงบเกิดขึ้น แต่เชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศ โดยรัฐบาลจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

“รัฐบาลได้รับความร่วมมือจากประชาชนส่วนใหญ่ที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ทำให้บ้านเมืองเป็นปกติสุขเรียบร้อย นักลงทุนมีความเชื่อมั่น ยกเว้นยังมีบางกลุ่มบางพวก ที่พยายามสร้างความปั่นป่วนในสังคม โดยเฉพาะยิ่งใกล้วันลงประชามติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว เพื่อป้องปรามพฤติกรรมที่อาจสร้างความเดือดร้อนแก่สังคม ภายใต้กรอบของกฎหมาย ส่วนเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีทิศทางที่ดีขึ้น พี่น้องเกษตรกรเริ่มเพาะปลูกได้มากขึ้น การลงทุนภาครัฐและระดับพื้นที่เริ่มเห็นผล ตลาดหุ้นฟื้นตัว นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และนักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุน เพราะไทยมีความพร้อมหลายด้าน เช่น ทำเลที่ตั้ง โครงสร้างพื้นฐาน ฝีมือแรงงาน ฯลฯ รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์และการปรับปรุงระเบียบกฎเณฑ์ที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

โฆษก รบ.กล่าวต่ออีกว่า ข้อมูลจากส่วนราชการและสถาบันการศึกษาวิเคราะห์ตรงกัน ว่า ประชาชนในประเทศเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจ จึงออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา คาดว่า จะมีมูลค่าการใช้จ่ายถึงกว่า 5,700 ล้านบาท รัฐบาลจะเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เบิกจ่ายงบประมาณ และออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นระยะ ให้สอดคล้องกับความเป็นจริงของเศรษฐกิจในแต่ละช่วง โดยตั้งแต่ 1 - 31 ส.ค.59 จะมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายสินค้าโอท็อป ภายใต้โครงการช้อปช่วยชุมชน โดยประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าโอทอปท้องถิ่นไปหักลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 15,000 บาท ทั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมการผลิตสินค้า กระจายรายได้ไปยังชุมชน ก่อให้เกิดการหมุนเวียนเงินระดับฐานราก โดยจะไม่กระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าการใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นถึง 10,000 ล้านบาท

...