กรณียอมรับผิด-ห้ามทำอีก สปท.เสนอใช้ก่อนเลือกตั้ง ศาลให้ประกันตัว‘แม่จ่านิว’
ศาลทหารอนุมัติฝากขัง “แม่จ่านิว” ผัดแรก 12 วัน แต่ให้ประกันตัว เจ้าตัวชี้ตกเป็นหมากตัวหนึ่งบนกระดาน ถูกตั้งข้อหาโยงใยการเมือง ลั่นพร้อมต่อสู้เคียงข้างลูก ไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว “จ่านิว” สับแหลกรัฐบาลกระทำเยี่ยงโจร ยันไม่หยุดเคลื่อนไหว ขอนำสังคมหลุดพ้นความกลัว “อ๋อย” สลดใจอุทาหรณ์สุดโหดเหี้ยม ด้าน ปชป.จี้รัฐชี้แจงแยกแยะให้ชัด หวั่นต่างชาติเข้าใจผิด ใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือสร้างบรรยากาศความกลัว “เสรี” เผย สปท.ด้านการเมืองปิ๊งไอเดียใช้ ก.ม.สร้างความปรองดอง เป่าทิ้งคดีผิดเล็กน้อย ส่วนคดีร้ายแรงให้ออก พ.ร.บ.รอการกำหนดโทษ ยอมรับผิดแล้วรอลงอาญาไว้ตลอดชีวิต ห้ามทำผิดซ้ำอีก เร่งผลักดันให้ใช้ก่อนมีเลือกตั้ง สตง.เสียงแข็ง “สุขุมพันธุ์” หนีความรับผิดชอบไม่พ้น กรณีติดตั้งไฟแพงระยับ 39.5 ล้านบาท “วิลาศ” เตรียมยื่นสอบเพิ่ม 2 รองผู้ว่าฯ แนะตรวจสอบเส้นทางการเงินไหลผ่าน ขรก.หญิงหิ้วแบรนด์เนม จะเห็นเครือข่ายทั้งหมด พท.เสนอนายกฯ รื้อโครงสร้าง กทม.แก้ปัญหาเรื้อรัง กระจายอำนาจผู้ว่าฯ ไปให้ ผอ.เขต กำหนดให้เลือกตั้งนายก “นคร”
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาทันทีเมื่อ น.ส.พัฒน์นรี หรือหนึ่งนุช ชาญกิจ มารดาของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ถูกจับกุมตัวหลังตกเป็นผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายมาตรา 112 ส่งผลให้เครือข่ายนักวิชาการ รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดศาลทหารได้พิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวแล้ว
คุมตัว “แม่จ่านิว” ฝากขังศาลทหาร
...
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 8 พ.ค. ที่กองบังคับ การปราบปราม (บก.ป.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) คุมตัว น.ส.พัฒน์นรี หรือหนึ่งนุช ชาญกิจ มารดานายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ เลขที่ 36/2559 ข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายมาตรา 112 ออกจากกองปราบปราม เพื่อไปฝากขังผัดแรกที่ศาลทหาร กรมพระธรรมนูญ ถนนหลักเมือง เขตพระนคร กทม.
“จ่านิว” อัดรัฐบาลกระทำเยี่ยงโจร
ขณะที่นายสิรวิชญ์กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า หากแม่ไม่ได้รับการประกันตัว อาจมีผลกระทบต่อการเรียนของผมบ้าง เพราะต้องเอาเวลามาดูแลครอบครัว แต่ยังเชื่อมั่นว่าน่าจะจัดการเรื่องเรียนและครอบครัวได้ คงไม่ยากเกินไป ส่วนเรื่องกำลังใจผมกับแม่ก็มีกำลังใจมากขึ้นหลังจากที่ คสช.มาเล่นลูกไม้แบบนี้ ใช้แม่มาเป็นเครื่องมือการเมือง อยากจะบอกว่าถ้ามีปัญหากับผมก็มาเคลียร์กันโดยตรง อย่าทำแบบนี้ไหนๆก็เป็นรัฐบาลแล้วก็ให้สมกับเป็นรัฐบาลไม่ใช่มาทำพฤติการณ์เยี่ยงโจร
ทนายค้านฝากขัง-ขอประกันตัว
จากนั้นเวลา 07.30 น. ที่ศาลทหารกรุงเทพ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว น.ส.พัฒน์นรีเดินทางมาศาลด้วยสีหน้าเรียบเฉย พร้อมกับสัมภาระเสื้อผ้า โดย น.ส.คุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ ทีมทนายความ น.ส.พัฒน์นรีเผยว่า ทีมทนายได้นำเอกสารหลักฐานเพื่อคัดค้านประเด็นการสอบสวน ซึ่งผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี เพราะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายจับ ซึ่ง น.ส.พัฒน์นรีได้ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด หลักฐานที่เตรียมมาในวันนี้เป็นหลักฐานที่คัดค้านการฝากขังและหลักทรัพย์การประกันตัววงเงิน 500,000 บาท ต่อมาเวลา 08.40 น. นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” เดินทางมายังศาลทหารด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
ศาลทหารอนุมัติฝากขัง 12 วัน
กระทั่งเวลา 09.30 น. ตุลาการศาลทหารนั่งบัลลังก์พิจารณาคำร้องขอฝากขัง โดยพนักงานสอบสวนร้องขอฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ให้เหตุผลว่าต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 7 ปาก และต้องตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหา โทรศัพท์มือถือ พร้อมทั้งตรวจสอบประวัติลายนิ้วมือ รวมถึงคดีมีอัตราโทษสูงเกิน 10 ปี ขณะที่ทีมทนายความของ น.ส.พัฒน์นรีคัดค้านการฝากขังต่อศาลใน 4 ประเด็นคือ 1. ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี 2. ความผิดดังกล่าวยังไม่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดตามข้อกล่าวหา 3. ผู้ต้องหาไม่อาจไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน และ 4. การคุมขังผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้นำครอบครัวจะส่งผลทำให้ครอบครัวเดือดร้อน โดยท้ายคำร้องในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนได้มีความเห็นให้ประกันตัว เพราะผู้ต้องหาได้มามอบตัวตามระเบียบ แต่ผู้บังคับบัญชาเห็นว่าไม่สมควรให้ประกันเพราะคดีมีอัตราโทษสูง ทั้งนี้ศาลพิจารณาแล้วเห็นควรให้ฝากขังตามคำร้องของพนักงานสอบสวนเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-19 พ.ค. นำตัวไปส่งที่ทัณฑสถานหญิงกลาง กทม.
อนุญาตประกันตัววงเงิน 5 แสน
ต่อมาเวลา 11.30 น. ตุลาการศาลทหาร ได้พิจารณาคำร้องขอประกันตัว น.ส.พัฒน์นรี หรือหนึ่งนุช ชาญกิจ ที่นายประกันได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 5 แสนบาท โดยตุลาการศาลทหารอนุญาตให้ประกันตัว มีเงื่อนไข 1. ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ 2.ห้ามยุยงปลุกปั่น ห้ามชุมนุมทางการเมือง
“แม่จ่านิว” ลั่นพร้อมสู้เคียงข้างลูก
เมื่อเวลา 16.20 น. ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เรือนจำคลองเปรม เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ปล่อยตัว น.ส.พัฒน์นรีเป็นอิสระ โดยมีนายสิรวิชญ์ บุตรชาย พร้อมทีมทนายความจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางมาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เมื่อ น.ส.พัฒน์นรี เห็นหน้าจ่านิวบุตรชายที่มารอรับถึงกับน้ำตาคลอ ทั้งคู่โผเข้าโอบกอดกันด้วยความดีใจ จากนั้นมารดาจ่านิวกล่าวว่า ขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรม ขอยืนยันปฏิเสธข้อหาตามมาตรา 112 เพราะไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆทั้งสิ้น ตอนนี้ไม่ต่างกับผ้าขาวที่เปื้อนโคลน ต้องหาทางซักให้กลับมาสะอาดเหมือนเดิมให้ได้ มั่นใจว่าการถูกตั้งข้อหานี้เกี่ยวโยงกับการเมือง ทำให้ต้องเป็นหมากตัวหนึ่งที่ถูกเดิน อย่างไรก็ตามชีวิตหลังจากนี้ เมื่อลูกชายสู้ แม่จะไม่สู้ต่อได้อย่างไร ลูกยังทำเพื่อเรา แสดงความรับผิดชอบด้วยการออกมาเรียกร้องช่วยแม่ทุกอย่าง ถ้าเราจะต้องทำอะไรเพื่อลูกที่อยู่ในกรอบกฎหมายก็จะต้องทำ ตนถูกจับขังคุก 2 คืน เข้าเรือนจำอีกวัน ถือว่าไม่มีอะไรต้องเสียอีก แค่นี้ก็เลวร้ายมากพอแล้ว อาจจะหางานทำยากกว่าเดิมเพราะติดคดี แต่ถ้าไม่เลือกงานคงไม่เป็นไร และถ้ายังอยู่ในเรือนจำ นิวจะกลับไปทำหน้าที่ตัวเองทั้งเรื่องเรียนและเรื่องอื่นๆไม่ได้เลย
“จ่านิว” ไม่กลัวเดินหน้าเคลื่อนต่อ
นายสิรวิชญ์กล่าวว่า ตอนนี้สบายใจแล้วที่ได้เห็นแม่ได้กลับบ้านไปหาน้องหายาย นี่เป็นความพยายามที่จะหยุดยั้งตน แต่ถ้าตนหยุดเคลื่อนไหวไปจะทำให้เขาได้สมตามความต้องการ จึงยืนยันจะเดินหน้าต่อไป เพราะถ้าเราจะพาสังคมออกจากความกลัว เราก็ต้องเอาตัวเองออกจากความกลัวเช่นกัน ส่วนคอมพิวเตอร์ที่บ้าน 2 เครื่องถูกตำรวจยึดไปนั้น ขณะนี้เกิดปัญหาไม่สามารถเข้าเฟซบุ๊กส่วนตัวได้ ไม่แน่ใจว่ามีใครกำลังพยายามเข้าถึงข้อมูลตนอยู่ ขณะนี้ได้ไปแจ้งความไว้กับตำรวจ
สน.ชนะสงครามแล้ว
เอ็นดีเอ็มกดดันรัฐปล่อยผู้ต้องขัง
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สวนประติมากรรมโครงการกำแพงประวัติศาสตร์ หน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ หรือเอ็นดีเอ็ม นำโดยนายรังสิมันต์ โรม นักศึกษาปริญญาโท คณะนิติศาสตร์ จัดกิจกรรม “ล้อ Freeday Say freedom” เพื่อแสดงสิทธิของประชาชนว่า การล้อไม่ใช่อาชญากรรม คนล้อไม่ใช่อาชญากร โดยมีการจัดเวทีปราศรัย ทำ บอร์ดนิทรรศการล้อเลียนผู้นำประเทศ ใช้ชื่อว่า“ฉายานายกฯ ไทย นายกฯ ไทยใครๆ ก็โดนล้อ” มีการนำฉายาผู้นำประเทศไทยในอดีต ตั้งแต่สมัยนายควง อภัยวงศ์ มาจนถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาจัดแสดง พร้อมบอร์ดนิทรรศการประวัติและรายชื่อ 9 ผู้ต้องหาทำเพจล้อเลียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จนถูกจับขัง และเชิญญาติผู้ต้องขังทำเพจล้อนายกฯ มาพูดคุยถึงความรู้สึก ท่ามกลางกลุ่มแนวร่วมต่อต้าน คสช.ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าร่วมด้วยคับคั่ง นายรังสิมันต์ โรม เผยว่า หลังจากนี้เอ็นดีเอ็มจะยกระดับการเรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องหาเพจล้อ พล.อ.ประยุทธ์ทั้ง 9 คน ในระดับองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติ ต่อมาช่วงค่ำนายสิรวิชญ์เดินทางมาร่วมร้องเพลงและปราศรัย ปิดท้ายด้วยการร่วมกันจุดเทียนเรียกร้องให้ปล่อยตัว 9 ผู้ต้องหาทำเพจล้อนายกฯ
“อ๋อย” สลดใจอุทาหรณ์โหดเหี้ยม
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เห็นข่าว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เตือนกลุ่มเคลื่อนไหวให้ดูกรณีนายสิรวิชญ์เป็นอุทาหรณ์ ทำให้สลดใจ เพราะถ้าเป็นอุทาหรณ์ว่า หากเรียกร้องเสรีภาพอาจถูกควบคุมตัวไปโรงพัก หากไม่มีคนไปให้กำลังใจอาจเอาไปขังนานๆ หากพยายามตรวจสอบโครงการของรัฐมีทุจริตหรือไม่ อาจถูกดำเนินคดีในศาลทหาร หากไปยืนเฉยๆในที่สาธารณะอาจถูกควบคุมตัว และอาจถูกดำเนินคดีด้วย ถ้าถูกกระทำอย่างไร้ความเป็นธรรมสารพัดแล้วยังไม่หยุด แม่ของคุณอาจถูกตั้งข้อหาร้ายแรงอย่างไม่เป็นธรรม ถูกขังและไม่ให้ประกันตัว อาจถูกอัยการทหารฟ้องในศาลทหาร คนในครอบครัวต้องเดือดร้อนอย่างนั้นหรือ เป็นอุทาหรณ์ว่าถ้าคุณไม่หยุดเรียกร้องเสรีภาพ ประชาธิปไตยและความเป็นธรรม คุณจะถูกเล่นงานด้วยวิธีต่างๆ เป็นอุทาหรณ์ว่าถ้าคุณยังไม่หยุดอีก แม่ของคุณ น้องคุณ ยายคุณ จะต้องเดือดร้อนกันหมดอย่างนั้นหรือ ไม่โหดเหี้ยมเกินไปหรือ ไม่ต้องพูดถึงความถูกต้องยุติธรรมอะไรกันแล้วอย่างนั้นหรือ สังคมไทยจะอยู่กันอย่างนี้หรือ
สมช.ย้ำยุทธศาสตร์โลกล้อมไทย
พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆโดยตลอด ขอเตือนว่าอย่าทำอะไรที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายปกติ หรือคำสั่ง คสช. การควบคุมตัว น.ส.พัฒน์นรีทำตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ชัดเจน แต่ขณะนี้มีความพยายามใช้องค์กรต่างประเทศเข้ามากดดันรัฐบาลไทย ยืนยันว่าเมื่อมีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการ เมื่อคนทั้งประเทศอยู่ใต้กฎหมายเหล่านี้ได้ แล้วทำไมบางองค์กรถึงมาเห็นใจคนไม่กี่คนที่ไม่เคารพกฎหมาย
ปชป.จี้รัฐแจงต่างชาติหวั่นเข้าใจผิด
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ออกแถลงการณ์วิจารณ์รัฐบาลทหารไทยมาถึงจุดตกต่ำขีดสุด ใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจับกุมมารดาของแกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวต้านรัฐธรรมนูญว่า กลุ่มคนที่เสี่ยงละเมิดการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีอยู่จริง มีการกระทำมาตลอดเกือบสิบปี แต่การดำเนินคดีตามความผิดตามมาตรา 112 ในช่วงเวลาเดียวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญขณะนี้ อาจจะทำให้ประชาชนหรือต่างประเทศเข้าใจผิดว่ารัฐบาลกำลังเอามาตรา 112 มาเกี่ยวข้องกับเรื่องรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ความจริง 2 เรื่องนี้แยกกัน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องอธิบายต่อชาวโลกให้ชัดว่า มันไม่เกี่ยวกัน ไม่เกี่ยวกับการปิดปาก หากไม่มีการทำประชามติคนบางกลุ่มก็กระทำผิดมาตรา 112 อยู่แล้ว ต้องอธิบายให้ดีว่าไม่ใช่การสร้างบรรยากาศความกลัว ถ้าอธิบายไม่ดีจะเข้าทางฝ่ายต่อต้าน
ชงอาจารย์ 2 ฝ่ายดีเบตผ่านสื่อรัฐ
“อย่างที่ผมพูดมาทุกวันฝ่ายรักษากฎหมายต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าสิทธิของทั้งสองฝ่ายเท่ากันหรือยัง ไม่อย่างนั้นจะลุกลามบานปลายมากกว่านี้ ต้องดูจังหวะให้ดี คุณต้องเข้าใจบรรยากาศ มีหัวใจอย่างเป็นกลาง ใครก็ตามอย่าคิดว่าตนเองเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญเด็ดขาด ถ้าคิดแบบนั้นเมื่อไหร่ จะไปทำให้สิทธิของสองฝ่ายไม่เท่ากัน มันจะยุ่ง ต้องเปิดให้ทั้งสองฝ่ายแสดงความเห็น ดีกว่าให้เขาไปลักลอบทำอยู่ใต้ดิน เริ่มจากเอาอาจารย์ปัญญาชนที่เห็นต่างแต่ละฝ่าย มาดีเบตผ่านองค์กรสื่อของรัฐ ผมว่าน่าจะควบคุมได้ จากนั้นค่อยถึงคิวนักการเมือง ใครไปบิดเบือนประชาชนฟังจะรู้ แล้วคนที่บิดเบือนจะเสียคะแนนไปเอง” นายนิพิฏฐ์กล่าว
พท.เตือนรัฐระวังท่าทีตอบโต้
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่มีกลุ่มนักวิชาการและอาจารย์ไปร้องต่อองค์กรระหว่างประเทศ แต่ทีมโฆษกรัฐบาลมองว่าเป็นการชักศึก เข้าบ้านนั้น ไม่น่าจะถูกต้อง นักวิชาการและกลุ่มอาจารย์อาจมองเห็นว่ารัฐบาลไม่ได้อยู่ในทางสายกลาง การแสดงออกทางความคิดของกลุ่มคนที่เห็นต่างถูกปิดกั้น ไร้ซึ่งสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน จึงต้องหาช่องทางที่จะเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพคืนมา ในอดีตประเทศไทยเรามักจะมีบทบาทในระดับแนวหน้าที่จะออกมาเรียกร้องเรื่องเหล่านี้ แต่วันนี้ เหตุการณ์กลับตาลปัตร มิตรประเทศต่างก็เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลคิดให้รอบคอบก่อนที่จะดำเนินการใดๆลงไป เพราะการจัดลำดับประ– เทศไทยในด้านสิทธิมนุษยชนอาจได้รับการประเมินที่เป็นลบก็ได้