ระทึกอกระทึกใจไปตามๆกัน
กับการที่คนระดับเบอร์หนึ่งของฝ่ายความมั่นคงรัฐบาล คสช.อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกมาให้ข่าวเองเลย
มีรัฐมนตรีในรัฐบาลถูกข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้ลาออกจากตำแหน่ง
โดยมีรายงานว่ารัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายดังกล่าวคือนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง
ตามระดับความซีเรียสของสถานการณ์ถึงขั้น พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตรได้สั่งการให้สายข่าวและเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบแล้ว ไม่นานคงทราบ
และในจังหวะที่ล้อไปกับยุทธการ “นครปฐมร่มเย็น” ที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. นำตำรวจสนธิกำลังทหารเข้าลุยค้นรังของนักการเมืองดัง เครือข่ายผู้มีอิทธิพลใน จ.นครปฐม เจอคลังแสง อาวุธปืนจำนวนมาก
ฉากบู๊ๆรับกับข่าวแหลมๆเสียวๆพอดิบพอดี
แต่ที่สุดเลยก็จบลงตรงที่ พล.อ.ประวิตรเปิดเผยว่า หลังไล่ตามจนรู้ตัวคนที่โทร.ขู่รัฐมนตรีให้ลาออกแล้ว พบว่าเป็น “คนบ้า” จับได้แล้ว ทำคนเดียว เจอเบอร์โทร.เป็นร้อย มีเบอร์ของตนเองด้วย และเชื่อว่าไม่ได้ทำเป็นขบวนการ
เป็นอัน “จบข่าว” ไม่ต้องเอาไปขยายผลเบื้องหน้าเบื้องหลังให้เสียเวลา
ตรงกันข้ามกับข่าวใหญ่ที่ยังไงก็บานปลายแน่ ตามสถานการณ์ที่ “คุณชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ต้องตั้งโต๊ะแถลงด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดดุดัน ขู่ฟ้องดะทั้งสื่อมวลชนและคนที่กล่าวหาทุจริต
รีบเคลียร์ตัวเองไม่มีความผิด
หลังโดนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ชี้มูลความผิดมีเอี่ยวกับการกระทำผิดทุจริตและฮั้วประมูลในโครงการค่าใช้จ่ายในการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว (Motif of Light) ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้งบประมาณเกือบ 40 ล้านบาท
...
ลำพังกระแสภายนอกก็หนักหนาพอดูอยู่แล้ว
แต่ที่ส่อแววสาหัสกว่าก็คือคิวของคนในค่ายเดียวกันเอง ในสถานการณ์อย่างที่นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เปิดปฏิบัติ “รุกฆาต” ตั้งแท่นชงเรื่องให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอ.ตช.)
เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.สั่งพักงานผู้ว่าฯ กทม.ตามมาตรการเดียวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 50 องค์กร
เพราะ กทม.เป็นองค์กรใหญ่ที่มีการทุจริตมากที่สุด มีการทุจริตและฮั้วในทุกเรื่อง ถ้านายกฯยังไม่รีบดำเนินการก็จะมีการทุจริตต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ไล่บี้ “โทษแบน” ให้พ้นเก้าอี้ไปเลย
แน่นอนในมุมของบท “มือปราบทุจริต” ก็ว่ากันไป ในมาตรฐานหรูๆของยี่ห้อประชาธิปัตย์ แบบที่คนกันเองตรวจสอบคนพรรคเดียวกันโดยไม่มีการละเว้น
แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ มันก็มีหมากการเมืองแฝงอยู่เป็นผลพลอยได้
ตามท้องเรื่องที่โยงถึงศึกสายเลือด การชิงเหลี่ยมอำนาจการคุมประชาธิปัตย์ ที่กำลังฟัดกันระหว่างทีมของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค กับทีมของ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส.
ส่อหักดิบกันแรงๆตามร่องรอยความขัดแย้งที่ร้าวลึก
และตามท่าทีที่แสดงออกสื่อก่อนหน้า ก็ชัดเจนว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์นั้น ยืนอยู่ฝั่งของ “ลุงกำนัน” มีฝ่าย กปปส.ถือหาง
แน่นอนโดยรูปการณ์ทำให้ฝั่ง “อภิสิทธิ์” เสียเปรียบในเรื่องของ “น้ำเลี้ยง” ตามเส้นทางยุทธปัจจัยจาก กทม.น่าจะส่งให้ทีมงาน “ลุงกำนัน” มากกว่า
แต่งานนี้ถ้าไล่บี้โทษแบน “คุณชายหมู” จี้ “บิ๊กตู่” พักงานเก้าอี้ ผู้ว่าฯเมืองกรุงได้
เท่ากับทีม “อภิสิทธิ์” ตัดกำลังทีม กปปส.ลงไปเยอะ.
ทีมข่าวการเมือง