หนังสือธรรมะเล่มหนา ชื่อประมวลธรรมเทศนา รวบรวมโดย สุรพล สายพานิช และคณะ เป็นหนังสือเล่มล่า ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ที่มีคนส่งมาให้

มีคำว่าสงวนลิขสิทธิ์ ห้ามพิมพ์จำหน่าย ห้ามคัดลอกหรือตัดตอน...เหมือนทุกเล่มที่ผมเคยได้

เคยกราบท่านในงานศพคุณแม่ "ดังตฤณ" ผมก็ถาม "ธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นของกลางนะโยม" ท่านตอบให้ผมสบายใจ "ใครก็เอาไปใช้ก็ได้"

เปิดอ่านหัวข้อ "คัมภีร์มหายาน ก็ดีเหมือนกัน" หลวงพ่อเทศน์ไว้เมื่อ 4 มีนาคม 2551

พระจีนบอกว่า หลวงพ่อสอนเหมือนมหายาน พระจีนรูปนี้เคยแปลพระสูตร ชื่อมหาไวปุลยสมปูรณ โพธิอรรถะ คัมภีร์นี้สอนว่า ทั้งกายและจิตเป็นภาพมายา

ถ้ารู้ลงมาในกายนี้ เห็นกายนี้ เป็นแค่ธาตุสี่ ดินน้ำไฟลม แล้วเกิดเป็นภาพลวงตา คือขน ผม เล็บ ฟัน หนังเนื้อ เอ็น กระดูก ให้เรียนรู้ลงมาในกายในจิตจนเพิกเอามายาออกไป

มายาเป็นความเห็นผิด ความหลงผิด ก็จะได้รู้ จริงๆแล้ว ไม่มีตัวตน

หลวงพ่อเคยอ่านคัมภีร์มหายาน คัมภีร์ดีๆของเขามีหลายเล่ม ท่านเปรียบเทียบคล้ายๆกับเพชรสักเม็ดหนึ่ง เพชรไม่มีสี แต่เรามองเห็นแล้วว่ามีแสงหลายสี เป็นสีรุ้ง สีอะไร

นี่มันเป็นภาพลวงตา ตัวมันจริงๆไม่มีสี สิ่งที่เรียกว่าตัวเราจริงๆก็ไม่มี เป็นแค่ภาพลวงตา ถ้ารู้ทันภาพลวงตาก็เพิกมายาออกไป ก็จะเห็นสิ่งซึ่งไม่ใช่มายา สิ่งซึ่งพ้นจากมายา พ้นจากความปรุงแต่ง

ถ้าพูดอย่างของเรา ไปเป็นนิพพาน แต่ของเขาก็คือเห็นพุทธะ เห็นพระพุทธเจ้า สำนวนโวหารแตกต่างกัน ไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญคือเนื้อหา

คำสอนใดๆ ถ้าสอนให้เราย้อนมารู้กายรู้ใจ จนเห็นตัวจริงของมัน ไม่ใช่ภาพลวงตาของมัน

คำสอนนี้ใช้ได้

ตัวจริงของร่างกายนี้จริงๆ เป็นแค่วัตถุธาตุ นามธรรมทั้งหลาย ก็เป็นสิ่งที่อาศัยการกระทบกัน เกิดขึ้นเป็นคราวๆ อย่างตาเห็นรูป ก็เกิดวิญญาณทางตา เกิดจิตขึ้นทางตา อาศัยวัตถุกระทบกันเกิดจิตได้

...

อาศัยใจตรึกใจคิด เกิดจิตวิญญาณทางใจ อาศัยกันเกิดขึ้นมา

ฉะนั้น สิ่งที่เรารู้สึกเป็นจิตของเรา หรือเป็นตัวของเรานี่ จริงๆ แล้วก็เป็นภาพลวงตา เนื้อแท้ของเขาก็เป็นรูปธรรมบ้าง นามธรรมบ้าง อาศัยกันเกิดขึ้นมาเป็นคราวๆ แล้วก็ดับสลายไป

ถ้าผู้ใดภาวนาจนเพิกเอาความเห็นผิดว่ามีตัวมีตน ออกไปได้ก็เข้าถึงธรรมะแท้ๆ

เข้าถึงความเป็นพุทธะ

คัมภีร์มหายานชื่อ มหาไวปุลยสมปูรณ โพธิอรรถ เนื้อหาสาระเหมือนกับที่หลวงพ่อพูดให้ฟังนี่แหละ มิน่าล่ะ พระจีนถึงบอกว่า หลวงพ่อสอนเหมือนมหายาน ที่แท้มหายานเหมือนกับของเราต่างหาก

เพราะเถรวาทเกิดก่อน มหายานเกิดภายหลัง แต่ว่าเนื้อหาสาระธรรมะแท้ๆ เขาก็รักษาเอาไว้ได้เหมือนกัน มีเหมือนกัน เขาก็มีพระอริยะ

ผมอ่านธรรมะของหลวงพ่อปราโมทย์แล้ว ก็นึกถึงคำท่าน ธรรมะไม่เพียงเป็นของกลาง ที่ใครรู้จักใช้ก็ใช้ได้ ผมยังศรัทธาแน่นแฟ้นว่า ธรรมะทุกข้อ เป็นของบริสุทธิ์ เป็นของดี

ส่วนเรื่องผู้สอนธรรมะ จะมีวัตรปฏิบัติแค่ไหน อย่างไร ต้องแยกกันให้ชัดเจน เป็นคนละเรื่อง

ถึงวันนี้ ผมก็ยังเชื่ออยู่ว่า พระที่สอนธรรมะได้ดี เป็นพระดี แต่หากจะมีเรื่องไม่ดี น่าจะไม่ใช่เรื่องของพระ แต่เป็นเรื่องของคน ที่หนีไม่พ้นรัก โลภ โกรธ หลง เวียนว่ายไปตามวิสัยโลก.

กิเลน ประลองเชิง