กกต.รับลูก กรธ. บัตร 1 ใบไร้ปัญหา ชี้ข้อดี สามารถนำมาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ ประหยัดงบประมาณได้แน่นอน ส่วนจะสะท้อนความต้องการของประชาชนหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ กรธ.เป็นผู้ออกแบบ...

วันที่ 24 มี.ค. เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ยืนยันที่จะใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ว่า บัตรเลือกตั้งจะ 1 หรือ 2 ใบ ไม่ได้เป็นปัญหาในการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งบัตรใบเดียวสามารถนำคะแนนมาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ แต่ถ้าจะเป็นสองใบก็ทำได้โดยไม่ยากลำบากในการดำเนินการ แต่สำหรับบัตรใบเดียวจะสามารถลดต้นทุนในการจัดการได้ถูกกว่าอย่างแน่นอน เช่น ถ้าบัตรเลือกตั้ง 1 ใบ ราคาใบละ 1 บาท ก็จะใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท แต่ถ้าใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ก็จะเพิ่มขึ้น เป็น 100 ล้านบาท และก็ต้องใช้หีบบัตร 2 ใบ และจะทำให้เวลาในการนับคะแนนเพิ่มขึ้น เช่น จาก 1 เป็น 2 ชั่วโมง ดังนั้น การใช้บัตรเลือกตั้ง 1 ใบ น่าจะสะดวกกับการจัดการของ กกต.มากกว่า เพราะจะประหยัด ไม่สับสนในการคำนวณคะแนน ส่วนในเรื่องของบัตรเลือกตั้ง 1 ใบ จะส่งผลต่อประโยชน์ทางการเมือง สะท้อนความต้องการของประชาชนได้หรือไม่ ก็อยู่ที่การออกแบบของ กรธ.ที่ผ่านมา เคยมีการใช้ทั้งบัตรใบเดียวและ 2 ใบมาแล้ว ครั้งนี้ก็เป็นสิทธิ์ของ กรธ.ที่จะทดลองและนำเสนอ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยาก ส่วนที่ กรธ.ไม่ให้ใช้เครื่องลงคะแนนในการทำประชามติในครั้งนี้

นายสมชัย เห็นว่า การจัดเลือกตั้งทั่วโลก หลายประเทศใช้เครื่องลงคะแนนทั้งประเทศ เช่น อินเดีย เนปาล สหรัฐอเมริกา และยุโรปบางประเทศ ทำให้การเลือกตั้งรวดเร็ว ไม่มีบัตรเสีย การนับคะแนนรู้ภายใน 1 นาที แต่ กรธ.ตัดออกไปก็ไม่เป็นปัญหา และยืนยันว่าถ้าได้มีการใช้เครื่องลงคะแนนในการทำประชามติ ก็ไม่ได้เป็นการเพิ่มงบประมาณในการจัดซื้อเครื่อง เนื่องจาก กกต.มีอยู่แล้ว 200 เครื่อง และได้เสนอที่จะให้ใช้เครื่องลงคะแนนเพียง 14 หน่วย คือ กทม. 5 หน่วย ภูเก็ต 9 หน่วย จากหน่วยเลือกตั้ง 96,000 หน่วย ถือว่าน้อยมาก ซึ่งแม้ว่าจะมีการใช้เครื่องแต่ประชาชนสามารถที่จะเลือกได้ว่าจะใช้เครื่องหรือบัตรเลือกตั้งแบบเดิม

...