ศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนมีนาคม...ธีรวัฒน์ แสนคำ เขียนเรื่อง ศึกเจ้าพระฝาง พ.ศ.2313 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กับการปราบ “พวกสงฆ์อลัชชี” ที่เมืองสวางคบุรี
หลังสองกองทัพหน้า ยึดเมืองฝางได้แล้ว พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ว่า
เสด็จยกพลพยุหโยธาทัพหลวง โดยทางชลมารคไปตำบลน้ำมืด จึงดำรัสให้ตั้งด่านทางชั้นในชั้นนอก ตั้งเกลี้ยกล่อมลาดตระเวนสืบสาวเอาตัว อ้ายเรือนฝางให้จงได้
“ครั้น ณ วันจันทร์ เดือนสิบเอ็ด ขึ้นหกค่ำ ทรงพระกรุณาให้สืบเสาะจับพระสงฆ์พวกเหล่าร้าย ได้ตัวพระครูคิริมานนท์หนึ่ง อาจารย์ทองหนึ่ง อาจารย์จันทร์หนึ่ง อาจารย์เกิดหนึ่ง ล้วนเป็นแม่ทัพอ้ายเรือนพระฝางทั้งสี่รูป
แต่พระครูเพชรรัตนกับอ้ายเรือนพระฝางนั้น หาได้ตัวไม่
จึงดำรัสให้ผลัดผ้าคฤหัสถ์ทั้งสี่คน แล้วจำคงส่งลงมาใส่คุก ณ เมืองกรุง
และต่อมา “จึงดำรัสให้เอาไปประหารชีวิตเสีย ณ วัดทอง คลองบางกอกน้อยทั้งสิ้น”
จัดการพระสงฆ์ระดับแม่ทัพแล้ว พระเจ้าตากทรงเห็นว่าเรื่องของพระสงฆ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ได้ตัดสินพระทัยพระองค์เดียว...พระราชพงศาวดารกรุงสยาม ฉบับบริติชมิวเซียม กรุงลอนดอน กล่าวว่า
จึงดำรัสปรึกษาว่า พระสงฆ์บรรดาอยู่ฝ่ายเหนือนี้ เป็นพรรคพวกเพื่อนอ้ายเรือนฝาง ย่อมคิดถือปืนรบศึก ฆ่าคนปล้นเอาทรัพย์สิ่งของแลกินสุราซ่องเสพด้วยสีกา ให้ขาดจากสิกขาบทจัตุปาราชิกเป็นลามกอยู่ในพระศาสนาฉะนี้ จะไว้ใจมิได้
อนึ่ง พระสงฆ์ฝ่ายใต้ฝ่ายเหนือ ก็จะแปลกปลอมกันอยู่ มิรู้ว่าองค์ใดดีชั่ว จะได้กระทำสักการบูชา ให้เป็นผลานิสงส์แก่ตนแก่ท่าน
เมื่อนิมนต์พระสงฆ์มารวมกันแล้ว ก็พระราชทานโอกาส
“ให้พระสงฆ์ให้การไปแต่ตามสัตย์ตามจริง ถ้าได้ผิดในจาตุปาราชิก แต่ประการใดประการหนึ่ง จะพระราชทานผ้าคฤหัสถ์ให้ผลัดสึกออกไปทำราชการ
...
ที่ไม่รับนั้น จะให้ดำนั้นพิสูจน์สู้นาฬิกาสามกลั้น
แม้นชนะแก่นาฬิกา จะให้เป็นอธิการและพระครูราชาคณะฝ่ายเหนือโดยสมควรแก่คุณธรรมที่รู้ แม้นแพ้แก่นาฬิกา จะให้ลงพระราชอาชญา เฆี่ยน แล้วสักข้อมือมิให้บวชได้อีก แม้เสมอนาฬิกาจะให้บวชใหม่
ถ้าแต่เดิมไม่รับ ครั้นจะให้ลงดำน้ำพิสูจน์ กลับคืนคำว่าได้ทำผิด จะให้ลงพระราชอาชญาประหารชีวิตเสีย
อนึ่ง เมื่อพระสงฆ์จะลงดำน้ำนั้น ให้ตั้งศาลกั้นม่านดาดเพดานผ้าขาว แต่งเครื่องพลีกรรมเทพยดาพร้อมแล้ว จึงทรงพระสัตยาธิษฐาน ให้พระบารมีนั้นช่วยอภิบาลบำรุงรักษาพระสงฆ์ทั้งปวง...
แล้วเสด็จทรงพระเก้าอี้อยู่ที่หาดทราย ให้พระสงฆ์ลงดำน้ำพิสูจน์ตัวต่อหน้าพระที่นั่ง
ก็ปรากฏว่า “ครั้งนั้นพระสงฆ์ที่มีศีลบริสุทธิ์ ก็ชำนะแก่นาฬิกาบ้าง เสมอบ้าง ที่ภิกษุทุศีลก็แพ้แก่นาฬิกาเป็นอันมาก เสนาบดีก็กระทำตามรับสั่ง โดยสมควรแก่คุณและโทษ”
พระราชภารกิจ ด้านพระศาสนาของพระเจ้าตาก ยังมีต่อไป
“แล้วทรงพระกรุณาให้เย็บผ้าจีวรให้ได้พันไตร บวชพระสงฆ์ไว้ฝ่ายเหนือ และให้ลงมาอาราธนารับพระสงฆ์ราชาคณะและอันดับ 50 รูป ณ กรุงธนบุรี ขึ้นไปบวชพระสงฆ์ไว้ทุกหัวเมือง
แล้วพระราชทานราชาคณะไว้อยู่สั่งสอนพระสงฆ์ฝ่ายเหนือ
พระพิมลธรรมอยู่เมืองฝาง พระธรรมเจดีย์อยู่เมืองทุ่งยั้ง พระธรรมราชา พระเทพกระวี อยู่เมืองสวรรคโลกย์ พระธรรมอุดมอยู่เมืองพิไชย พระโพธิวงษ อยู่เมืองพิศณุโลกย์”
ธีรวัฒน์ แสนคำ จบข้อเขียน...นี้ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ในอดีต ทรงปกป้องดูแลทะนุบำรุงทั้ง “อาณาจักร” และ “พุทธจักร” ควบคู่กันเสมอมา
จึงทำให้พสกนิกรทั้งหลายได้อยู่อย่างร่มเย็น ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร และเป็นสุขภายใต้ร่มเงาแห่งบวรพระพุทธศาสนามาจนถึงทุกวันนี้.
กิเลน ประลองเชิง