มีรายงานข่าวว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ได้สั่งให้กรมธนารักษ์เร่งศึกษา เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.การเช่าอสังหาริมทรัพย์ เปิดช่องให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้นานถึง 99 ปี เพราะระยะเวลาเช่า 30 ปีในปัจจุบัน ไม่จูงใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ที่จะต้องใช้เงินจำนวนมาก และจะต้องได้ข้อสรุปภายในเวลาเร็ววัน
วัตถุประสงค์สำคัญของแนว ความคิดที่จะขยายเวลาการเช่าที่ดิน จาก 30 ปี เป็น 99 ปี คือการจูงใจนักลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลก และพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลายตัวไม่ทำงาน เช่น การส่งออก การบริโภคภาคประชาชน การลงทุนภาคเอกชน มีเพียงการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐ ที่ยังไปได้ดี
แต่มีเสียงเตือนจากภาคเอกชนบางส่วน ไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง แต่จะเป็นภัยร้ายแรงในอนาคต หากต่างชาติครอบครองแผ่นดินไทย ได้ชั่วกัลปาวสาน ขัดแย้งกับเพลงชาติที่ว่า “ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐไผทของไทยทุกส่วน” คำว่า “ไผท” คือแผ่นดิน ซึ่งเป็น “ของไทยทุกส่วน” แต่ถ้าต่างชาติครอบครองจะเป็นของไทยแค่บางส่วน
คนส่วนใหญ่รู้สึกว่า 99 ปี เป็นเวลาที่นานเกินไป ไม่ต่างจาก 100 ปี ยาวนานกว่าอายุขัยของคนไทย การให้เช่าที่ดิน 99 ปี แทบจะไม่ต่างจากการขายขาด การเช่าที่ดิน 30 ปี ตามกฎหมายปัจจุบัน ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของต่างชาติ ทั้งในด้านอุตสาหกรรมพาณิชยกรรมหรือบริการ เป็นระยะเวลาที่คุ้มทุน และถ้าหากจำเป็น ก็สามารถต่ออายุการเช่าได้
กลุ่มผู้สนับสนุนอ้างประเทศที่พัฒนา เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดาและออสเตรเลีย เป็นตัวอย่าง ที่ให้ต่างชาติเช่าที่ดินเป็นเวลานานๆ และประสบความสำเร็จ ไม่น่าจะเปรียบเทียบกับไทยได้ เพราะทั้งสามประเทศมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ไม่มีปัญหาการกระจาย การถือครองที่ดินไม่เป็นธรรม เป็นประชาธิปไตยที่มั่นคง ยึดหลักนิติธรรม และไม่มีปัญหาการทุจริต
...
แต่ไทยเป็นประเทศที่มีปัญหา เรื่องการกระจายการถือครองที่ดิน 90% ของที่ดินทั้งประเทศ อยู่ในกำมือของคนเพียง 10% แต่ละคนถือครองที่ดินเกิน 100 ไร่ ส่วนคนอีก 90% มีที่ดินแค่ 1 ไร่ หรือน้อยกว่า และหลายล้านคนไม่มีที่ดินของตน การให้ต่างชาติเช่าที่ดินนานครั้งละเกือบ 100 ปี อาจซ้ำเติมปัญหาความเหลื่อมล้ำ การจูงใจนักลงทุนที่ดีที่สุดคือประชาธิปไตย
ถ้าไทยเป็นประชาธิปไตยที่แท้ ยึดหลักนิติธรรม ยึดถือกฎหมายเป็นใหญ่ ยึดหลักความโปร่งใส ไม่มีการทุจริตเรียกรับเงินใต้โต๊ะ น่าจะเป็นแรงจูงใจนักลงทุนต่างชาติได้ดีกว่าปัญหาการเช่าที่ดิน และปัญหาใหญ่ขนาดนี้ ที่มีผลกระทบถึงคนทั้งประเทศ จะต้องไม่เร่งรัดตัดสินใจเพียงไม่กี่คน แต่ต้องให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็น จนถึงขั้นลงประชามติ.