สั่งลูกน้องเก็บข้อมูล! บิ๊กป้อมขู่‘เต้น’ณัฐวุฒิ

“บิ๊กโด่ง” ลั่นไม่ได้ทุจริตราชภักดิ์ เสียงสั่นน้ำตาคลอ แช่งใครกลบเกลื่อนทำไม่ดีระวังบาปกรรมตามทัน สั่งลูกน้องเก็บข้อมูลรอเช็กบิล บางสื่อตีข่าว 2 เดือนไม่จบ ทำลายชื่อเสียงราชภักดิ์ ไม่ตอบจะอยู่ตำแหน่ง รมช.กห.ต่อหรือไม่ ด้าน “บิ๊กป้อม” ขู่ “เต้น” อย่าสร้างประเด็น แนะรอคณะกรรมการสอบฯแถลง 30 ธ.ค. รับรองละเอียดยิบ ขณะที่นักศึกษาและนักเคลื่อนไหวตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ เข้าพบพนักงานสอบสวน 2 คนตามหมายเรียก ปฏิเสธไม่ได้เป็นการชุมนุม แต่เป็นการไปตรวจสอบทุจริตอุทยานราชภักดิ์ ทนายเผยลูกความที่เหลืออีก 9 คน ขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาบ่ายวันที่ 8 ม.ค. เนื่องจากติดภารกิจและเดินทางไปต่างจังหวัดช่วงปีใหม่

ความคืบหน้าในการตรวจสอบทุจริตอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม กล่าวถึงคณะกรรมการตรวจสอบการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ กระทรวงกลาโหม เตรียมแถลงผลสอบสวนในวันที่ 30 ธ.ค.ว่า ไม่ได้คิดอะไร เป็นเรื่องของคณะกรรมการตรวจสอบฯ ไว้คอยฟังแล้วกัน คงไม่ไปก้าวก่ายอะไร และไม่มีอะไรขัดข้อง ถือเป็นเรื่องน่ายินดี ถ้าเป็นเรื่องที่สนใจควรต้องบอกให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เชื่อว่าคณะกรรมการคงให้ความเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันอีกครั้ง การดำเนินงานของกองทัพบกในโครงการอุทยานราชภักดิ์ที่ผ่านมา เราตั้งใจคิดในสิ่งที่ดี คิดจะทำสิ่งที่เป็นมงคลกับสิ่งที่คนไทยมีความรักและเคารพอย่างสูงสุด เมื่อตั้งใจคิดดีก็ทำดีมาตลอด ส่วนอะไรที่ไม่เหมาะสม ได้เรียนไปแล้วมันไม่ใช่การทุจริต ที่กล้ายืนยันเพราะได้ดูมาโดยลำดับ ไม่ได้ทำงานคนเดียว ยังมีคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการต่างๆดำเนินงาน ไปดูแล้วกันว่าคณะอำนวยการมีตนแล้ว ใครบ้างต้องรับผิดชอบร่วมกัน ฉะนั้นไม่ได้ปล่อยให้มีสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม อยากบอกว่าเรื่องนี้ตีข่าวกันมา 2 เดือนแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่ดีอะไรขึ้นมาเลย เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่มีอะไรแล้วพยายามทำให้มี โดยคนที่ปรารถนาไม่ดี ไม่ทุจริตก็จะบอกให้ทุจริตให้ได้

...

รมช.กลาโหมกล่าวว่า ขอบคุณคนไทยทุกคนที่ร่วมบริจาคเงินไม่ว่าจำนวนเท่าใด ผู้ที่บริจาคเหล่านี้ไม่เคยเอ่ยสักครั้งว่าโครงการนี้มีอะไรเกิดขึ้น เชื่อว่าคนเหล่านี้มั่นใจว่ากองทัพบกทำด้วยความตั้งใจ เราสุขใจที่จะทำและภูมิใจในสิ่งที่เกิดขึ้นมานี้ด้วย แม้โครงการจะไม่เสร็จสมบูรณ์ ก็ต้องทำให้สมบูรณ์ต่อไป เพราะคนเหล่านี้เขารอคอย เมื่ออุทยานราชภักดิ์สมบูรณ์แล้วจะเป็นอย่างไร อยากให้สื่อลงในแง่มุมที่ดีได้แล้ว เลิกไปลงในทางที่เสียหาย เพราะมันไม่มีอะไรเสียหาย บางคนที่ไม่ปรารถนาดี อาจขุดหลุมพรางอะไรไว้ เราควรขึ้นจากหลุมพรางเหล่านั้นได้แล้ว

“ใครก็ตามที่ทำและพยายามกลบเกลื่อนเรื่องต่างๆที่มันไม่ดีไม่งาม โดยเอาเรื่องนี้มากลบเกลื่อน ถือว่าไม่เหมาะสม บาปกรรมมาก อุทยานราชภักดิ์เป็นสิ่งที่ต้องเคารพ เห็นบางสื่อซึ่งผมให้ลูกน้องบันทึกไว้ คิดว่าอีกระยะหนึ่ง คงต้องมีคนต้องชดใช้สิ่งต่างๆเหล่านี้ ที่เขาได้ทำความเสียหายต่อชื่อเสียงของอุทยานราชภักดิ์ สื่อบางสื่อ พอเปิดหนังสือพิมพ์ดูก็ไปเขียนภาพองค์พระบูรพกษัตริย์ รู้หรือไม่ ขณะนี้คุณกำลังไม่เคารพอะไร พวกเราที่เป็นทหาร เป็นข้าราชการ เห็นภาพสิ่งที่เคารพรักไม่ว่าที่ใดก็ตาม เรายกมือไหว้ พวกเราถูกสั่งสอน แม้กระทั่งภาพสิ่งที่เราเคารพรักที่ถูกนำเสนอผ่านทางโทรทัศน์ ถ้าเห็นสิ่งที่เราเคารพรักสูงสุดเราจะยกมือไหว้โทรทัศน์ด้วยซ้ำ ผมพูดจากใจจริง เพราะทำมาตลอด แต่คนที่เอามาเขียนข่าวเล่น เขียนภาพเล่นๆ รู้หรือไม่คุณกำลังถูกกฎหมายข้อใด ขอให้ระมัดระวัง เพราะผมเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ แล้ววันหนึ่งคิดว่าจะเอามาดูอีกครั้งหนึ่ง” พล.อ.อุดมเดชกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและมีน้ำตาคลอ

พล.อ.อุดมเดชกล่าวต่อว่า ยืนยันว่าสิ่งที่ไม่มีอะไรมันคงไม่มีอะไร มันไม่ทุจริตก็อยากให้ทุจริต เห็นบางคนเป็นตัวหลักที่จะเอ่ยหยอดถามประเด็นนั้นประเด็นนี้ คิดว่าหลายคนถ้าได้เห็นชื่อแล้ว ไม่มีคุณค่าทางสังคม ไม่มีคุณค่าต่อประเทศชาติอย่างไร เคยบริจาคสิ่งดีๆเหล่านี้แม้สักบาทเดียวหรือไม่ แล้วเที่ยวมากล่าวหากล่าวร้ายกัน คนที่เขามั่นใจเขาไม่เคยพูดสักคำ เมื่อถามว่า ยังยืนยันจะทำหน้าที่ในตำแหน่ง รมช.กลาโหมต่อไปหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ขอไม่พูดถึง อย่าถามในสิ่งที่คิดว่าเขาคงไม่ให้คำตอบ เมื่อมีภาระหน้าที่เราต้องทำไป เป็นสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาความเหมาะความควรหลายอย่างประกอบกัน ทุกคนที่เข้ามาทำงานคิดว่าพวกเราไม่ใช่นักการเมือง แต่เรามาทำหน้าที่การเมืองให้ในระยะหนึ่ง ในสถานการณ์จำเป็น ต้องพยายามทำกันต่อไปให้ดีที่สุด

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการแถลงผลสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ในวันที่ 30 ธ.ค.ว่า ประธานคณะกรรมการสอบ จะแถลงอย่างละเอียดทุกขั้นตอนทั้งการจัดสร้าง การใช้เงิน ว่าเอาไปทำอะไรบ้าง เงินบริจาคเท่าไร ตนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนการทุจริตจะมีหรือไม่ ไม่รู้ เป็นเรื่องขององค์กรอย่าง ป.ป.ช. หรือ สตง. ที่จะเข้าไปตรวจสอบ ผลว่าอย่างไรก็อีกเรื่อง แต่ยืนยันว่า รัฐบาลนี้มีความชัดเจนทุกเรื่อง ทำงานทุกอย่างด้วยความชัดเจน ไม่ต้องห่วง ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.จะแถลงการทุจริตโครงการราชภักดิ์ ด้วยนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เอาเลย อยากแถลงอะไรก็แถลงไป เขาทำหรือเปล่า นายณัฐวุฒิเคยไปทำที่ราชภักดิ์หรือ

“ถ้าอยากตรวจสอบก็ไปถามเขาเลย เพราะทำอย่างละเอียด นายณัฐวุฒิอย่ามาสร้างประเด็นรู้หรือเปล่าว่าคำว่าราชภักดิ์ มาจากอะไร มาจากไหน ไม่รู้เรื่องเลย เพราะฉะนั้นให้ระวัง ทุกอย่างอย่าไปทำอะไรแบบคิดเอง เออเอง ต้องเอาข้อเท็จจริงมาว่ากัน ไม่ใช่มาสร้างประเด็น องค์กรที่จะมาตรวจสอบทุจริตก็เปิดให้เข้ามาตรวจสอบ แล้วจะมาอะไรกันอีก” พล.อ.ประวิตรกล่าว

ขณะเดียวกัน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า กำลังรอฟังการแถลงผลการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ของคณะกรรมการตรวจสอบกระทรวงกลาโหม ที่มี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน แต่ไม่ว่าผลสอบจะออกมาว่าถูกหรือผิด ป.ป.ช.จะขอข้อมูลทั้งหมดมารวบรวมเป็นข้อมูลในการพิจารณาว่า ป.ป.ช.จะสามารถรับเรื่องเข้าตรวจสอบตามกฎหมาย ป.ป.ช.ได้หรือไม่ หากผลสอบของกระทรวงกลาโหมชี้ว่า มีการกระทำผิดถือว่าเป็นข้อมูลที่ดี เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ ป.ป.ช.จะนำมาประกอบการไต่สวนต่อไป และต้องรอให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ส่งผลสอบมาให้ ป.ป.ช.ด้วย

นายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้ร้องเข้ามายังผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เบื้องต้นทราบว่ามี 3 หน่วยงานที่กำลังดำเนินการตรวจสอบคือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงกลาโหม และกองบังคับการปราบปราม ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่อยากก้าวล่วงการทำงานของหน่วยงานอื่น นอกจากนี้ มีผู้ไปยื่นร้อง ป.ป.ช. ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่กระบวนการขั้นตอนของ ป.ป.ช. จะล่าช้าเกินไป คิดว่าควรใช้ช่องทางกระบวนทางศาล เพื่อเป็นทางออกของเรื่องนี้ โดยยื่นร้องตรวจสอบทั้งทางอาญา และยื่นร้องทางแพ่งเพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหายได้

ส่วนคดีที่พนักงานสอบสวน สรฟ.ธนบุรี ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้นักศึกษาและนักเคลื่อนไหว 11 คน ที่จะขึ้นรถไฟเดินทางไปตรวจสอบการทุจริตที่อุทยานราชภักดิ์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารสกัดไว้เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ให้มารับทราบข้อกล่าวหา มั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปอันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2558 ข้อ 12 ในวันที่ 29 ธ.ค.

โดยเมื่อเวลา 10.00 น.วันเดียวกัน นายวิจิตร หันหาบุญ อายุ 66 ปี และนายกิตติธัช สุมาลย์นพ อายุ 33 ปี 2 ใน 11 ผู้ต้องหาตามหมายเรียกดังกล่าว พร้อมทนายความเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยมี พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ ประยูรศรี รอง ผบก.รฟ. และ พ.ต.ท.ทรงกลด พัฒนวราภรณ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.นพวงศ์ ร่วมสอบสวนโดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ นายกิตติธัชเปิดเผยก่อนเดินทางกลับว่า วันนี้ได้นำเอกสารที่รัฐบาลสั่งห้ามเดินทางและการทำกิจกรรมทางการเมือง มาแสดงให้กับจ้าหน้าที่ พร้อมนำหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆที่ลงข่าวมายืนยันว่า กิจกรรมดังกล่าวไม่ใช่การชุมนุม แต่เป็นการไปตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์เท่านั้น ขอให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ชุมนุมและมั่วสุมทางการเมืองแต่อย่างใด

ขณะที่ น.ส.เยาวลักษณ์ อนุพันธุ์ เผยว่าเป็นทนายความให้กับนายกิตติธัชกับเพื่อนรวม 10 คน ในวันนี้ได้พานายกิตติธัชมาพบพนักงานสอบสวนที่แจ้งข้อหามั่วสุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้น ไป ส่วนคนอื่นๆช่วงนี้บางคนติดสอบ บางคนไปต่างจังหวัด จึงมาขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน โดยจะขอเข้ามอบตัวอีกทีในวันที่ 8 ม.ค.เวลา 14.00 น. โดยทุกคนให้การปฏิเสธ และจะนำเอกสารที่มีเข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันที่ 15 ม.ค.

ด้าน พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ ประยูรศรี รอง ผบก.รฟ.เปิดเผยว่า วันนี้ผู้ที่โดนออกหมายเรียกข้อหา มั่วสุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน 2 คน จากที่ออกหมายเรียกไป 11 คน ส่วนที่เหลืออีก 9 คน ทนายความแจ้งขอเลื่อนการเข้าพบในวันที่ 8 ม.ค. เวลา 14.00 น. เนื่องจากติดภารกิจช่วงปีใหม่ เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจที่ส่งทนายเข้าพบตำรวจ พนักงานสอบสวนยังไม่ต้องออกหมายจับ เพียงแต่ต้องเข้าพบพนักงานสอบสวนตามนัดเท่านั้น แต่ถ้าเกินวันนัดคงต้อง ออกหมายจับต่อไป สำหรับผู้ที่เข้ามามอบตัววันนี้ให้การปฏิเสธ โดยบอกว่าจะรวบรวมหลักฐาน และทำหนังสือชี้แจงมาให้พนักงานสอบสวนอีกครั้ง