มท.1 ย้ำแนวคิดบัตรประชาชน ไม่ลิดรอนสิทธิ์ หวังคนรายได้ต่ำเข้าระบบรับบริการรัฐได้สะดวก ยันเพิ่มข้อมูลในบัตรประชาชนไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ...
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2558 พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการเพิ่มข้อมูลในบัตรประชาชนว่า ไม่เกี่ยวกับการทำบัตรประชาชน แต่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการ 5-6 คณะ ซึ่งมีคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง การพิสูจน์อัตลักษณ์ และขอชี้แจงว่าในส่วนของคณะกรรมการเหล่านี้ โดยกระทรวงมหาดไทยจะหาข้อมูลของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าอาชีพใดทั้งสิ้นเพื่อเป็นฐานข้อมูลในการบริหารงานของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้ต่ำได้ง่ายขึ้น พร้อมย้ำว่าไม่ได้ลิดรอนสิทธิ์ของประชาชน โดยจะต้องปรับให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยจะประชุมกันอีกในวันที่ 28 ธันวาคมนี้
รมว.มหาดไทย กล่าวต่อว่า คณะกรรมการที่ตัวเองเป็นประธานอยู่นั้นมีหน้าที่ใน 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ การหาข้อมูลของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าอาชีพใดทั้งสิ้นเพื่อเป็นฐานข้อมูลในการบริหารงานของรัฐบาลที่มีการประชุมไปแล้ว และมีความคืบหน้าว่ากลุ่มใดใครจะเป็นผู้รับผิดชอบทำฐานข้อมูล โดยจะต้องปรับให้ทันสมัยอยู่เสมอ เช่น ด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเป็นผู้รับผิดชอบ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ข้าราชการกรมบัญชีกลางจะเป็นผู้รับผิดชอบ พนักงานทั่วไป กรมสรรพากรจะเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ยังคงมีกลุ่มผู้รับจ้างทั่วไปที่ไม่มีใครรับผิดชอบเพราะไม่อยู่ในระบบและเป็นกลุ่มที่มีรายได้ต่ำ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นในกลุ่มนี้เพื่อให้ความช่วยเหลือ เช่น การขึ้นรถเมล์ รถไฟฟรี และช่วยเหลือตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ เพื่อหาเจ้าภาพในการรับผิดชอบในการทำงาน
ส่วนจะจัดเก็บในฐานข้อมูลใดไม่สามารถบอกได้ แต่จะให้กระทรวงมหาดไทยเก็บลงในบัตรประชาชนทำไม่ได้ เพราะในส่วนของบัตรประชาชนไม่มีกฎหมายที่จะให้นำข้อมูลเหล่านี้ลงบัตรประชาชน แม้แต่เก็บข้อมูลไว้ในไมโครชิพก็ทำไม่ได้ และเบื้องต้นคิดว่าจะยังไม่มีการแก้กฎหมายเพื่อรองรับ
...
พลเอกอนุพงษ์ กล่าวว่า ส่วนอีกคณะหนึ่งมีหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลที่มีเพื่อให้บริการประชาชน เช่น การขอวีซ่าจากกระทรวงการต่างประเทศก็สามารถใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียวก็สามารถดำเนินการได้ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน พร้อมย้ำกับสื่อมวลชนว่า อย่าเขียนให้ประชาชนสับสน ยืนยันว่าไม่เป็นการลิดรอนสิทธิ์และข้อมูลของทุกคนก็มีอยู่แล้วไม่ว่าจะจนแค่ไหน เพราะมีฐานข้อมูลในการเสียภาษี
รมว.มหาดไทย กล่าวด้วยว่า ไม่ใช่การวางระบบใหม่ ไม่มีการทำบัตรประชาชนใหม่ และไม่มีการใส่ข้อมูลในซิม แต่ต้องทำข้อตกลงเพราะมีการกำหนดไว้แล้วว่าหากจะติดต่อต้องใช้เอกสารในส่วนใดบ้าง โดยใช้บัตรประชาชนให้เป็นประโยชน์ จึงต้องมีการทำข้อตกลงระหว่างหน่วยงาน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายว่าหากดำเนินการแล้วติดข้อกฎหมายให้ทำบัตรใหม่ หรือทำบัตรเพิ่มเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์
สำหรับแนวคิดสำหรับตั้งศูนย์จัดเก็บข้อมูลโดยตรงนั้น พลเอกอนุพงษ์ ระบุว่า ไม่ค่อยมีคนทำกัน แต่ในส่วนของรัฐบาลสามารถทำได้ในรูปแบบของระบบคลาวด์ ที่ทุกหน่วยงานไม่จำเป็นต้องใช้เมนเฟรมของตัวเอง จะเป็นการรวมข้อมูลในจุดเดียวแต่แบ่งเป็นสัดส่วนเพื่อลดค่าใช้จ่าย.