ยังมีข่าวที่เกี่ยวข้องกับการจัดอันดับเรื่องดีๆ และไม่ค่อยจะดีอีกข่าวหนึ่งที่ผมเก็บเข้าแฟ้มไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยความรู้สึกทั้งดีใจและละเหี่ยใจ ขออนุญาตนำมาแชร์ต่อในวันนี้
ข่าวว่าด้วยการจัดอันดับคุณภาพของลำน้ำต่างๆน่ะครับ แถลงโดยท่านอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วิจารย์ สิมาฉายา มีหนังสือพิมพ์นำลงหลายฉบับ รวมทั้งเว็บไซต์อีกหลายสำนักก็นำเสนอข่าวนี้ไว้ด้วย
ท่านอธิบดีกรมควบคุมมลพิษเกริ่นให้ทราบก่อนว่า ทุกๆปีกรมของท่านจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบคุณภาพตามแหล่งน้ำต่างๆ รวม 65 แห่งทั่วประเทศ
โดยจะตรวจสอบทุก 3 เดือน จึงเท่ากับว่าในแต่ละปีจะมีการตรวจสอบถึง 4 ครั้ง เพื่อให้ข้อมูลตัวเลขหรือดัชนีต่างๆที่ใช้วัดออกมา นั้นเชื่อถือได้และไม่ผิดจากข้อเท็จจริง
สำหรับตัวเลขที่ท่านแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นตัวเลขค่าเฉลี่ยจากการตรวจสอบใน 3 ครั้งแรกของปีนี้ แม้จะยังเหลืออีก 1 ครั้ง แต่ก็สามารถบ่งบอกคุณภาพของแหล่งน้ำโดยเฉลี่ยของปีนี้ เพื่อไปสู่การวิเคราะห์และการแก้ปัญหาได้ส่วนหนึ่ง
ผลการสำรวจที่ออกมาเป็นค่าดัชนีปรากฏว่า แม่น้ำตาปีตอนบน เป็นแม่น้ำที่มีคุณภาพดีที่สุดได้คะแนนสูงถึง 87 คะแนน
สำหรับอันดับ 2 รองลงมาได้แก่ แม่น้ำจาง จ.ลำปาง ดัชนีอยู่ที่ 82 คะแนน ตามด้วย แม่น้ำลำชี จ.สุรินทร์ ได้ 80 คะแนน
ในขณะที่แม่น้ำที่เสื่อมโทรมได้คะแนนดัชนีค่อนข้างต่ำได้แก่แม่น้ำพังราดตอนบน ดัชนีอยู่ที่ 44 แม่น้ำระยองตอนล่าง ดัชนีอยู่ที่ 42 แม่น้ำท่าจีนตอนล่าง ดัชนีอยู่ที่ 30 และ แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ดัชนีอยู่ที่ 29 ต่ำที่สุดในบรรดาดัชนีที่แถลงในครั้งนี้
ผมต้องขอแสดงความยินดีกับพี่น้องที่อยู่ริมฝั่งตาปีด้วยความจริงใจ ที่แม่น้ำของท่านคว้าตำแหน่งแชมป์ใสสะอาดไปครองอย่างชนิดไม่มีลุ่มน้ำอื่นใดในประเทศสู้ได้
...
ทั้งยินดีและแอบอิจฉาว่าอย่างนั้นเถอะ เพราะเมื่อดูคะแนนแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างที่ผมถือว่าเป็นแม่น้ำของคนกรุงเทพฯ และผมก็เป็นคนกรุงเทพฯ ด้วยคนหนึ่งนั้น...จะเห็นว่าต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว
แม่น้ำตาปีตอนบน 87 แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง 29 ถ้าเป็นเล่นบาสเกตบอลคะแนน 87-29 ต้องถือว่าฝีมือคนละชั้น
แม่น้ำตาปีเป็นแม่น้ำประวัติศาสตร์ของภาคใต้ แม้แต่ปราชญ์ชาวกรีกโบราณก็เอ่ยชื่อไว้ในหนังสือดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ยุคก่อน
ส่วนชื่อ “ตาปี” นั้นเป็นชื่อที่ในหลวงรัชกาลที่ 6 พระราชทานให้เมื่อครั้งเสด็จประพาสสุราษฎร์ธานี เมื่อ พ.ศ.2458
เมื่อพี่น้อง 2 ฝั่ง โดยเฉพาะในช่วงตอนบน ซึ่งอยู่ในเขตนครศรีธรรมราชเป็นส่วนใหญ่ยังสามารถรักษาแม่น้ำไว้ได้อย่างดียิ่ง จนคว้าตำแหน่งแชมป์ใสสะอาดคุณภาพดีของประเทศไทยไปครองเช่นนี้ ก็ต้องถือว่าสมศักดิ์ศรีของแม่น้ำประวัติศาสตร์และสมควรที่จะปรบมือชมเชยพี่น้องทั้ง 2 ฝั่งที่ช่วยกันดูแล
ตรงข้ามกับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งก็เป็นแม่น้ำในประวัติศาสตร์เช่นกัน และความจริงแล้วโด่งดังกว่า ได้รับการกล่าวขวัญถึงทั่วโลกมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา หรืออาจจะก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ
พี่น้องประชาชนที่อยู่อาศัยริม 2 ฝั่ง ตลอดจนโรงงานอุตสาหกรรม ที่ตั้งอยู่ริม 2 ฝั่งและใกล้เคียงไม่ช่วยกันดูแลรักษาให้บ้างเลย
นึกจะทิ้งขยะทิ้งสิ่งปฏิกูลอะไรก็ทิ้งลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างไม่บันยะบันยังจนลอยฟ่องไปด้วยขยะและมลพิษสารพัด
จะไม่ให้สอบตกได้คะแนนแค่ 29 คะแนนได้อย่างไรล่ะครับ
คำถามที่ผมอยากได้คำตอบจากท่านอธิบดีกรมควบคุมมลพิษก็เห็นจะมีอยู่ว่า...เราจะมีทางชุบชีวิตแม่น้ำเจ้าพระยาที่คะแนนดัชนีต่ำเหลือเกินให้ฟื้นขึ้นมาได้บ้างไหมครับ? และจะต้องทำอะไรบ้างครับ?
ผมเป็นคนชอบฟังเพลง “ลุ่มเจ้าพระยา” ที่มีความไพเราะและมีความหมายอย่างยิ่ง และมักจะฮัมเพลงนี้อยู่บ่อยๆเวลาอยู่คนเดียว
น่าเสียดายที่ต่อไปนี้ “ลุ่มเจ้าพระยา” จะไพเราะเฉพาะที่เป็นเพลงเท่านั้น เหตุเพราะ “ลุ่มเจ้าพระยา” ของจริงได้กลายเป็นแม่น้ำที่คุณภาพแย่ที่สุดของประเทศไทย ดังที่กรมควบคุมมลพิษแถลงออกมา
แล้วจะไม่ให้ผมอิจฉาคนที่อยู่ริมลุ่มน้ำตาปีได้อย่างไรล่ะครับ.
“ซูม”