ดุสิตโพล คนหนุนนายกฯ ปิดประเทศ หากบ้านเมืองยังไม่สงบ ชี้จุดแข็งมีมาตรา 44 ในมือ ควรใช้ปราบทุจริตคอร์รัปชัน มาเฟีย ผู้มีอิทธิพล วอนเร่งแก้ปัญหาปากท้อง พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นโดยเร็ว ...

จากที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แจกแจงนโยบายในการประชุมเครือข่าย 5 องค์กร หรือแม่น้ำ 5 สาย โดยเน้นย้ำการร่วมมือทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันและยึดหลักของการทำงานเพื่อชาติและประชาชน รวมถึงต้องให้ประเทศหลุดพ้นกับความขัดแย้ง ในขณะที่รัฐบาลเองก็เดินหน้าทำงานตามโรดแม็ปที่ได้ประกาศไว้ และการใช้มาตรา 44 อย่างสร้างสรรค์เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่สนใจติดตามการประชุมครั้งนี้ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ สรุปผลได้ดังนี้

เมื่อถามว่า สิ่งที่ประชาชนประทับใจจากการประชุมแม่น้ำ 5 สาย โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานการประชุมและเป็นผู้มอบนโยบายการดำเนินงานร่วมกันของเครือข่ายทั้ง 5 องค์กร อันดับ 1 ร้อยละ 84.99 ระบุ สมาชิกทั้ง 5 องค์กรเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง อันดับ 2 ร้อยละ 78.91 สไตล์การพูด วาทะเด็ดๆ ของนายกรัฐมนตรี อันดับ 3 ร้อยละ 68.81 ระบุ ได้รับรู้แนวทางการทำงานจากการชี้แจงของนายกฯ ผ่านการประชุมครั้งนี้

ต่อข้อถาม ประชาชนคิดว่าการทำงานของแม่น้ำ 5 สาย ในปัจจุบันมีรูปแบบการทำงานเป็นทีมหรือไม่? อันดับ 1 ร้อยละ 59.24 ระบุว่า มี เพราะได้นายกฯ เป็นผู้นำและมีนโยบายการทำงานที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เชื่อว่าทั้ง 5 องค์กรต่างมุ่งหวัง ที่จะเห็นประเทศชาติพัฒนา เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ฯลฯ อันดับ 2 ร้อยละ 23.48 เฉยๆ เพราะไม่ว่าใครจะเข้ามาทำงานหรือจะทำงานในรูปแบบใด ในฐานะประชาชนหวังเพียงเห็นผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจน แก้ปัญหาสำคัญของประเทศได้ ฯลฯ และอันดับ 3 ร้อยละ 17.28 ไม่มี เพราะต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตน ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีหลายคนที่มีความคิดเห็นขัดแย้ง ไม่ตรงกัน ฯลฯ

...

เมื่อถามว่า ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่? กับประโยคที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “หากบ้านเมืองยังไม่สงบ ต้องอยู่ต่อ แม้จะต้องปิดประเทศก็ตาม” อันดับ 1 ร้อยละ 55.07 เห็นด้วย เพราะ นายกฯ เป็นคนพูดจริงทำจริง น่าจะดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อยได้ อาจเป็นทางออกที่ดี ยังไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ถ้ายังมีความขัดแย้งประเทศก็เดินหน้าไม่ได้ ฯลฯ อันดับ 2 ร้อยละ 30.40 ไม่เห็นด้วย เพราะ อาจเป็นเพียงการพูดขู่ การปิดประเทศอาจเกิดผลเสียมากกว่า และส่งผลให้คนบางกลุ่มต่อต้าน เคลื่อนไหว ฯลฯ และอันดับ 3 ร้อยละ 14.53 เฉยๆ เพราะ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ ไม่ว่าจะทำการใดๆ ขอให้นึกถึงส่วนรวมเป็นสำคัญก็พอ ฯลฯ

ต่อข้อถาม จุดแข็งและจุดอ่อนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในสายตาประชาชน ซึ่งจุดแข็งนั้น อันดับ 1 ร้อยละ 79.71 เห็นว่า เป็นรัฐบาลทหารที่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ได้ทุกสถานการณ์ อันดับ 2 ร้อยละ 74.44 เห็นว่า สามารถควบคุมการทำงานของรัฐบาลและทุกฝ่ายให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และอันดับ 3 ร้อยละ 71.02 เห็นว่า มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำที่มีความเด็ดขาด จริงจัง ตรงไปตรงมา

ส่วนจุดอ่อนนั้น อันดับ 1 ร้อยละ 78.73 เห็นว่า ต้องทำงานท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก อันดับ 2 ร้อยละ 75.23 เห็นว่า มีเวลาในการทำงานจำกัด ในขณะที่มีปัญหามากมายที่รอแก้ไข และอันดับ 3 ร้อยละ 68.61 เห็นว่า เป็นรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ต่างชาติยังไม่ให้การยอมรับเท่าที่ควร

เมื่อถามว่า วันนี้สิ่งที่ประชาชนอยากบอก พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. คือ อันดับ 1 ร้อยละ 81.76 ขอให้เร่งแก้ปัญหาปากท้อง พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นโดยเร็ว อันดับ 2 ร้อยละ 76.58 ขอให้เดินหน้าทำงานตามโรดแม็ป ปฏิรูปประเทศให้สำเร็จ และอันดับ 3 ร้อยละ 71.91 เป็นผู้นำที่ดีและเป็นหลักให้กับแม่น้ำ 5 สาย ในการร่วมมือร่วมใจกันทำงานเพื่อบ้านเมือง

ต่อข้อถาม ประชาชนอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในทางสร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ เรื่องอะไรบ้าง? อันดับ 1 ร้อยละ 80.88 ต้องการให้ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน มาเฟีย ผู้มีอิทธิพล อันดับ 2 ร้อยละ 78.55 แก้ปัญหาสังคม ความเหลื่อมล้ำ การเอารัดเอาเปรียบ อันดับ 3 ร้อยละ 72.21 แก้ปัญหาทางการเมือง พฤติกรรมนักการเมืองที่ไม่เหมาะสม เล่นพรรคเล่นพวก อันดับ 4 ร้อยละ 69.08 เร่งแก้การทะเลาะเบาะแว้ง ความขัดแย้งแตกแยกในสังคม และอันดับ 5 ร้อยละ 67.56 ควรแก้เรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ไม่เป็นธรรม เรื่องที่กฎหมายไม่สามารถจัดการได้