เสนาธิการทหารบก รับมอบเสื้อเกราะกันกระสุนจากภาคเอกชน จำนวน 170 ตัว เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

วันที่ 20 ต.ค. พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสนาธิการทหารบก และเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. เป็นประธานในพิธีรับมอบเสื้อเกราะ จากภาคเอกชน ภายใต้โครงการ ท็อปส์ ส่งต่อความสุขอย่างไม่มีที่สิ้นสุดให้กับทหารใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งโครงการนี้ สามารถจัดซื้อเสื้อเกราะได้ จำนวน 170 ตัว รวมมูลค่า 2,550,000 บาท และในอนาคตภาคเอกชน ตั้งเป้าจะมอบเสื้อเกราะให้ทหาร 1,000 ตัว โดยโครงการนี้ได้ระดมทุนจัดซื้อเสื้อเกราะจากการเชิญชวนประชาชนร่วมสมทบทุนด้วย

พล.อ.พิสิทธิ์ กล่าวขอบคุณภาคเอกชนที่มอบเสื้อเกราะให้ทหาร ที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ในสมัยที่ตนได้ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ทราบดีว่า ถึงแม้ในพื้นที่จะอันตรายแต่ก็ไม่เคยกลัว เพราะทุกพื้นที่คือแผ่นดินไทย และภาคใต้ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ดีขึ้น พร้อมย้ำว่าทหารยังไม่เสียขวัญ

...

เลขาธิการ กอ.รมน. ยอมรับ แม้จะมีการปรับโครงสร้างศูนย์ปรองดองฯ แต่การทำงานยังเหมือนเดิม โดยส่งทหารทำความเข้าใจกับประชาชนตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน พร้อมขอกลุ่มนักศึกษาอย่าออกมาเคลื่อนไหว

พล.อ.พิสิทธิ์ ยังกล่าวถึง บทบาทของศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป หรือ ศปป. ว่า ยังคงทำหน้าที่สร้างความปรองดองเหมือนเดิม เพียงแต่ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง โดยมอบหมายให้ พล.ท.จิระพันธ์ มาลีแก้ว รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองฯ เป็นผู้สานต่อ เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลมากขึ้น ซึ่งจะให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนในระดับหมู่บ้าน ตำบล พร้อมประสานการทำงานกับ กอ.รมน.จังหวัด และศูนย์ดำรงธรรม

ขณะที่ การทำความเข้าใจเรื่องร่างรัฐธรรมนูญนั้น จะนำนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ มาปรับคำในการสื่อสารเพื่อให้ประชาชนแต่ละพื้นที่เข้าใจง่ายขึ้น และจะไม่เปิดเวทีรับฟังความเห็นเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ แต่จะใช้การทำความเข้าใจกับประชาชนเท่านั้น ซึ่ง พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน หรือ นรด. โดยนักศึกษาวิชาทหารเป็นจิตอาสา เริ่มต้นการพูดคุยกับครอบครัว

ส่วนจะให้นักศึกษาวิชาทหาร เข้าไปพูดคุยกับกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลหรือไม่นั้น พล.อ.พิสิทธิ์ ระบุว่า ขอร้องว่าอย่าออกมาเคลื่อนไหว และเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ควรอยู่ในพื้นที่ เพื่อให้โอกาสรัฐบาลได้ทำงาน