“บิ๊กตู่” เจ็บคองดให้สัมภาษณ์ แต่ไม่วายซัดมีพวกแมลงสาบกัดกินประเทศ ชักศึกเข้าบ้าน ชวนต่างชาติมาจุ้นจ้านประเทศไทย “สมคิด” วางยุทธศาสตร์ให้ผู้ว่าฯ เป็นสถาปนิกร่วมออกแบบพัฒนาประเทศ “บิ๊กป๊อก” กระแทกอำนาจเก่าใช้นโยบายล่อประชาชนมาเป็นเครื่องมือ คาดโทษจังหวัดไหนคุมเกมไม่อยู่ คนตีกัน พ่อเมืองรับผิดชอบ เผย “มีชัย” ตอบรับนั่งเป็นประธาน กรธ.แล้ว อาจารย์ชื่อดัง มธ.-จุฬาฯ ร่วมวงด้วย ด้านพรรคการเมืองใหญ่ไม่ตอบรับคำเชิญร่วม สปท. ประชาธิปัตย์อ้างสมาชิกชิ่งหนีหลังรู้เป็นแล้วต้องเว้นวรรคการเมือง เพื่อไทยย้ำร่วมงานคณะรัฐประหารไม่ได้ เหน็บปฏิรูปไร้ทิศทาง ผ่านมาปีครึ่งยังดูมืดมน

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ลดโทนขึงขังดุดัน มานั่งกินข้าวกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล แถมเผยความลับพ่อดุจนได้ดี เกรงใจเมียจนบ้านสงบ ล่าสุดกลับพูดด้วยลีลาสไตล์เดินหน้าท้าชนอีกครั้ง แต่ต้องยั้งๆไว้บ้างเพราะมีอาการเจ็บคอ หลังพูดปาฐกถา และให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวมาต่อเนื่องหลายวัน วันละหลายชั่วโมง

นายกฯลั่นไม่ให้ต่างชาติมายุ่ง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ก.ย. ที่ศูนย์การ ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ประจำปี 2558 (Prime Minister’s Export Award 2015) และเปิดงาน Thailand Innovation and Design Expo 2015 โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า สิ่งที่อยากพูดวันนี้คือความขัดแย้งบนโลกใบนี้เริ่มจากความยากจน เมื่อมีความยากจนก็จะหาคนโทษให้ได้ คนที่รู้สึกว่าเหลื่อมล้ำก็จะโทษรัฐบาล จากนั้นก็มีผู้นำในการต่อสู้ แล้วรัฐบาลก็ต้องใช้กำลัง พอต่อสู้กันขึ้นมาต่างชาติ ยูเอ็น คนกลางก็จะเข้ามา สุดท้ายจะจบลงที่รัฐบาลและคนต่อต้านเสียทั้งคู่ ดังนั้นสิ่งที่ตนระวังที่สุดคือจะอย่างไรก็ตามอย่าให้คนอื่น หรือชาวต่างชาติเข้ามายุ่งในบ้านเรา เพราะมันเป็นดินแดน ประเทศของเรา ตามคำพูดว่า our home our country

...

ใครชักศึกเข้าบ้านไม่ใช่คนไทย

“อย่าลืมว่านี่คือบ้านของเรา กฎหมายมีอยู่ ใครก็ตามที่ชอบชักชวนคนนั้นคนนี้เข้ามา ไม่ใช่คนไทย ถ้าเราทะเลาะกัน และขัดแย้งกันอยู่อย่างนี้แล้วใครจะทำงาน เราจะเสียด้วยกันทั้งคู่ ที่ผ่านมาพยายามทำทุกอย่างให้เกิดความปลอดภัยเรียบร้อย ให้สังคมมั่นใจว่าสิ่งที่เราพยายามทำในวันนี้คือการสร้างปัจจุบัน และอนาคต เอาขยะใต้พรมมารื้อใหม่ เพราะมันมีเยอะ หลายชั้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ซัดพวกแมลงสาบกัดกินประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกวันนี้มีแต่คนรู้โจทย์ แต่ไม่มีคนทำ มันเป็นปัญหาต่อเนื่องยาวนานนับ 10 ชาติ รัฐบาลต้องแก้ไขให้ได้ภายในเวลาเท่านั้นเท่านี้จะทำได้อย่างไร พอช้าก็บอกว่าเราอยากอยู่เพื่อสืบทอดอำนาจ แต่ความจริงแล้วตนพร้อมที่จะไป เรื่องปัญหาความมั่นคงยังมีแมลงสาบคอยแทะไปเรื่อยเปื่อย คอยทำลายไม่ให้ประเทศเกิดเสถียรภาพ วันนี้ถ้าประเทศไม่สงบก็ยังเดินไปไม่ได้ ถ้ามาถามเรื่องการเลือกตั้งยืนยันว่าเป็นไปตามโรดแม็ป ที่ทำทุกวันนี้ไม่มีกำไร เป็นการลงทุนด้วยชีวิต ตนอยู่ที่สว่างถูกโจมตีทุกวัน แต่ใจยังสู้ เพื่อประเทศชาติ สถาบัน และพวกเราทุกคน ระบอบการปกครองประเทศที่ดีต้องเป็นประชาธิปไตย แต่ถ้าประชาธิปไตยมีปัญหาไม่มีอะไรแก้ได้นอกจากการเข้ามาแบบตน ไม่ได้พูดหาเสียง ไม่ได้คิดอยู่ต่อ เพียงพูดให้สำนึกว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น นายกฯญี่ปุ่นเคยถามว่าตนสนใจเล่นการเมืองหรือไม่ ก็ตอบไปว่าไม่เล่น นั่งดูท่านเล่นดีกว่า ตนไม่ใช่นักการเมือง

“บิ๊กตู่” เจ็บคองดให้สัมภาษณ์

จากนั้นช่วงบ่าย เวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ภายหลังประชุมเจ้าหน้าที่กองงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้จัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องเสียงเพื่อให้นายกฯยืนแถลงข่าวที่ห้องโถงกลางตึกสันติไมตรี แต่ปรากฏว่าเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เดินออกจากห้องประชุมผ่านกลุ่มผู้สื่อข่าวที่รออยู่ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ให้ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นผู้แถลง เจ็บคอๆ” ก่อนเดินเลี่ยงกลับไปยังห้องทำงาน บนตึกไทยคู่ฟ้าทันที โดย พล.อ.ประยุทธ์มีคิวที่จะพูดบันทึกรายการคืนความสุขให้คนในชาติ สำหรับออกอากาศในคืนวันศุกร์ที่ 18 ก.ย.นี้

เผยใช้เสียงหมดหลอดน้ำลายแห้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางไปพูดปาฐกถาหลายงาน รวมทั้งแถลงข่าวหลังประชุม ครม.-คสช. โดยแต่ละครั้งใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ล่าสุดงานมอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เมื่อ 16 ก.ย. นายกฯพูดแบบมาราธอนไม่หยุดพักนานถึง 2 ชั่วโมง และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดงานมอบรางวัลผู้ประกอบการส่งออกดีเด่นแบบออมเสียงไม่ใส่อารมณ์มากนัก และใช้เวลาพูดน้อยกว่าทุกเวทีที่ผ่านมา

“สมคิด” ชี้ ผวจ.ต้องเป็นสถาปนิก ปท.

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กระทรวงมหาดไทยจัดโครงการสัมมนาผู้บริหารระดับสูง เพื่อกำหนดทิศทาง จุดยืนและยุทธศาสตร์การพัฒนาของกระทรวงมหาดไทย ในระยะ 5 ปี (พ.ศ.2559-2563) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวบรรยายว่า บทบาทของผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมีองค์ประกอบคือ 1.เป็นผู้ออกความคิดริเริ่ม สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดการพัฒนา 2.มีบทบาทด้านสถาปนิก ออกแบบ 3.บทบาทด้านการขับเคลื่อน ต้องอาศัยความสามัคคี อดทน 4.บทบาทในฐานะข้าราชการในพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นพ่อเมือง ดูแลราษฎรต่างพระเนตรพระกรรณ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ด้วยความยากจน ความสับสนทางการเมือง มีการบิดเบือนกันจนสังคมปั่นป่วนขัดแย้ง ถ้ามหาดไทยใกล้ชิดชาวบ้าน ชาวบ้านก็ไม่ไปไหน ทุกคนรักประเทศกันทั้งนั้น

“บิ๊กป๊อก” ฉะพวกใช้ ปชช.เป็นเครื่องมือ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เรื่องการเมืองในหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลที่มาทำงานให้ประเทศชาติก็มีส่วนดีและไม่ดี หมายถึงมีนโยบายที่โดนใจประชาชนและทำร้ายประเทศชาติ เกิดกลไกที่ไม่ได้มาเพื่อรับใช้ประชาชนแต่รับใช้กลุ่มการเมือง เอาพลังประชาชนทั้งหมดมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยอาศัยนโยบายที่ประชาชนชื่นชอบมาเป็นตัวบิดเบือน ตนทราบมาว่าผู้ว่าราชการจังหวัดบางคน กำนันผู้ใหญ่บ้านบางท่าน มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ไม่มีนโยบายใดที่ทำให้คนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง เช่น การตั้งโรงเรียนสี ผู้ว่าราชการจังหวัดและข้าราชการอย่าทำเช่นนั้น เพราะไม่ใช่แค่ฆ่าตัวเองแต่ฆ่าระบบกลไกของกระทรวงมหาดไทย เพราะเป็นอย่างนี้ประชาชนคนถึงอยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง

คาดโทษตีกันที่ไหน ผวจ.รับผิด

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า บ้านเรามีความเห็นไม่ตรงกัน จะทำอย่างไรให้เกิดความปรองดอง แต่การปรองดองนั้นบางคนบิดเบือนว่าไม่เอาผิดใคร ซึ่งทำไม่ได้ ต้องเป็นไปตามกฎหมาย คิดจะนิรโทษกรรมโดยมี ส.ส.ในมือ 377 คน จะให้ช่วยทั้งหมดไม่ได้ ตนรับรองเลยว่าไม่มีผู้ว่าฯคนไหนไม่รู้เรื่องแบบนี้ ถ้าทำผิดให้ดูตัวเองใหม่ ทำให้เกิดความสามัคคี อย่านำประเทศไปสู่ความขัดแย้ง ถ้าบ้านเมืองตีกัน มาจากจังหวัดใด คนนั้นต้องรับผิดชอบ ตนไม่สนใจจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ แต่หากสร้างความแตกแยกให้คนในชาติถือว่าทั้งเลวและเลวร้ายที่สุด คงไม่มีผู้ว่าฯคนไหนเอาเสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้ออะไร ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ อย่าให้คนไม่เข้าใจไปปลุกปั่น อยากเห็นท่านทำหน้าที่นักปกครอง แม้ตนจะหมดวาระแล้ว จะเฝ้าดูพวกท่านเจริญเติบโต หวังว่าไม่มีผู้ว่าฯตระบัดสัตย์

“สุรชัย” เคาะสเปก สนช. เป็น กรธ.

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสรรหาสนช. 3 คนเข้าไปทำหน้าที่ กรธ. ซึ่งต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย อาจมีประสบการณ์ด้านการร่างรัฐธรรมนูญมาและต้องสมัครใจด้วย แต่ขึ้นอยู่กับนายกฯจะตัดสินใจ เมื่อถามว่า รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกำหนดให้คนที่เป็น กรธ. ไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 2 ปี ถือเป็นปัญหาหรือไม่ นายสุรชัยตอบว่า เป็นส่วนสำคัญ เพราะ สนช. จำนวนหนึ่งต้องการทำงานการเมืองต่อ เชื่อว่า คสช.และ ครม.คงไม่เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นนี้ เพราะเป็นหลักการที่รัฐธรรมนูญหลายฉบับวางเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อน

ชี้ข้อดีให้อดีต กมธ.ยกร่างฯร่วมวง

นางนรีวรรณ จินตกานนท์ อดีตรองประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากอดีต กมธ.ยกร่างฯเข้ามาเป็นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จะเหมาะสมหรือไม่นั้นตนมองว่า ถ้ามีอดีต กมธ.ยกร่างฯเข้ามามีส่วนร่วมด้วยแล้วจะทำให้การทำงานเกิดความต่อเนื่องและสามารถอธิบายเหตุผลต่างๆได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อการร่างรัฐธรรมนูญ แต่หากมองอีกมุมหนึ่งว่าเมื่อร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการเห็นชอบจาก สปช.แล้ว โดยมารยาทอดีต กมธ.ยกร่างฯก็ไม่ควรกลับมาทำหน้าที่ตรงนี้ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่ง ยืนยันว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ กมธ.ยกร่างฯจัดทำขึ้นนั้นมีข้อดีมากมาย แม้จะมีบางประเด็นที่ยังเป็นปัญหาก็สามารถปรับปรุงได้

“เทียนฉาย” โวยถูกอ้างชื่อหนุน “มีชัย”

นายเทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า กรณีที่มีกระแสข่าวอ้างว่าตนสนับสนุนนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษากฎหมายคสช. เป็นประธาน กรธ.นั้น ยืนยันไม่ใช่ความเห็นของตนแน่นอน ข่าวดังกล่าวอาจจะเกิดจากถูกถามนำว่า ใครจะเหมาะนั่งในตำแหน่ง ตนก็ตอบแบบไม่ฟังธงว่าใครเหมาะ หรือไม่เหมาะ ตนไม่ได้มีตำแหน่งอะไรแล้ว ไม่รู้จักใคร ไม่ได้ติดต่อใครแล้วหลังจากหมดวาระลง ถ้าถูกนำไปเป็นเครื่องมือ นำไปขยายแบบนี้คงไม่ไหว คงต้องระมัดระวังการให้สัมภาษณ์ให้มากขึ้น

เผย “มีชัย” รับนั่งประธาน กรธ.แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้าการสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เริ่มมีความชัดเจน หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ได้สั่งการให้คณะทำงาน คสช.เสนอชื่อและติดต่อทาบทาม โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช. ยังเป็นคนที่ คสช.มีความต้องการให้มาเป็นประธานกรธ.มากที่สุด เพราะมีความเหมาะสมที่สุดในเวลานี้ เนื่องจากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และทำงานร่วมกับ คสช.มาตั้งแต่ต้น ร่วมร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวจนถึงฉบับแก้ไข โดยช่วงแรกนายมีชัยปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งดังกล่าว แต่ล่าสุดได้ตอบตกลงที่จะมาทำหน้าที่นี้แล้ว และมีความเป็นไปได้ที่นายมีชัยจะดึงคณะทำงานในสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเข้ามาร่วมเป็น กรธ.ด้วย โดยเฉพาะนายปกรณ์ นิลประพันธ์ กรรมการร่างกฎหมายประจำกฤษฎีกา ซึ่งทำงานกับนายมีชัยมาตลอด

ชงชื่อนักวิชาการ “มธ.–จุฬาฯ” นั่ง กรธ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิษณุ เครืองาม รอง นายกรัฐมนตรี และนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯให้ไปพิจารณารายชื่อและทาบทามบุคคลต่างๆ ให้เข้ามาทำหน้าที่กรธ.ส่วนหนึ่ง ได้มีการเสนอชื่อมาแล้วบางส่วน โดยเฉพาะนักวิชาการสายรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยของ มธ.มีความเป็นได้ที่จะเสนอชื่อนายอุดม รัฐอมฤต รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มธ. หรือนายเอกบุญ วงศ์สวัสดิ์กุล รอง อธิการบดี มธ.ฝ่ายกฎหมาย คนหนึ่งคนใด ส่วนจุฬา-ลงกรณ์มหาวิทยาลัย คาดว่าจะเป็นนายนันทวัฒน์ บรมานันท์ คณบดีนิติศาสตร์ หรือนายมานิต จุมปา อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ซึ่งมีความสนิทสนมกับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธาน กมธ.ยกร่างฯ

“มาร์ค” แนะ “วิษณุ” ให้เกียรติ กรธ.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีระบุว่า ร่างรัฐธรรมนูญใหม่จำเป็นต้องมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ว่า อยากให้นายวิษณุให้เกียรติผู้ที่จะมาร่างฯใหม่ก่อน การพยายามทำในรูปแบบเดิมคือ คปป.ที่มีอำนาจรัฐซ้อนรัฐ จะสร้าง ความขัดแย้งมากกว่าจะแก้ไขปัญหา ไม่ช่วยให้ประเทศเดินหน้า การทำงานของ กรธ. 21 คนในอนาคตเป็นเรื่องยากมีแรงกดดันมากขึ้นไม่มีใครอยากเห็นทำรัฐธรรมนูญสองร่างแล้วแต่ไม่สามารถบังคับใช้ได้ ถ้าจะมีคณะกรรมการขึ้นมาต้องมีขอบเขตอำนาจชัดเจน ไม่ใช่ใช้คำลอยๆ ส่วนอำนาจในสถานการณ์ฉุกเฉินที่เขียนไว้ ยังมองไม่ออกว่าจะคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างไร ถึงที่สุดแล้วหนีไม่พ้นทหาร ตำรวจ

ไม่ไว้ใจปฏิรูปเลยเถิดถึงขั้นนิรโทษฯ

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่อ้างว่า คปป.เกี่ยวข้องกับแค่การปฏิรูปไม่เกี่ยวกับการบริหาร ขอถามว่ามีการปฏิรูปเรื่องอะไรบ้าง ไม่ใช่อ้างว่าจะปฏิรูปแล้วไม่บอกว่าจะปฏิรูปอะไร อาจมีความผิดเพี้ยนไปถึงขั้นการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมเพราะการร่างรัฐธรรมนูญคราวที่แล้วก็มีแนวคิดนี้อยู่ ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้มีรัฐธรรมนูญที่ดี เปิดกว้างเรื่องปฏิรูป แต่พอพูดถึงเรื่อง คปป.ก็กลับมาสู่เรื่องเดิม กล่าวหากันไปมาว่า ประชาธิปไตย เผด็จการ สืบทอดอำนาจ เผด็จการรัฐสภา ถึงเวลาที่ต้องเอาเนื้อหาสาระมาพูดกันว่าจะปฏิรูปอะไร และจะสร้างกลไกแบบไหน ดูแลให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งเดินหน้าปฏิรูปอย่างไร

เผยสมาชิก ปชป.ไม่สนใจเป็น สปท.