อาจารย์ ส.พลายน้อย รวบรวมเนื้อหา...จากหลายแหล่งความรู้ ไว้หลายสิบปี เพิ่งเรียบเรียงพิมพ์เป็นเล่ม ชื่อตามรอยพระพุทธประวัติ ถือเป็นเล่มล่า...(สำนักพิมพ์พิมพ์คำ พิมพ์ครั้งแรก พ.ค.2558)

ผมตั้งใจอ่าน...อยากรู้ว่า ปราชญ์ระดับอาจารย์ จะเขียนถึงปาฏิหาริย์ ให้คนรุ่นใหม่สมัยนี้อ่านกันได้อย่างไร

ต้นพรรษาที่ 7 จากตอนที่ 31 บาตรไม้จันทน์ เป็นเหตุ พระบิณโฑล...เหาะขึ้นไปเอาบาตรไม้จันทน์ลบคำท้า...จากหลายสำนักเดียรถีร์ สร้างความฮือฮาแล้ว คำท้าก็ลามมาถึงพระพุทธองค์

ทรงห้ามพระสาวกทำปาฏิหาริย์ แต่พระองค์ก็ตรัสว่า ตัวพระองค์ทำปาฏิหาริย์ได้

ตอนที่ 31 ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ (ปาฏิหาริย์คู่) มีคนเห็นพระพุทธองค์องค์หนึ่ง ปุจฉาปัญหา แล้วอีกองค์ก็วิสัชนาปัญหา ฯลฯ

เหตุจากยมกปาฏิหาริย์ คัมภีร์พุทธเล่าว่า เป็นธรรมเนียมของพระพุทธเจ้าองค์ในอดีต เมื่อแสดงแล้วจะไปจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

วันนั้น วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันเข้าพรรษา

เสด็จลุกขึ้นจากรัตนบัลลังก์ ซึ่งตั้งอยู่เหนือเขาคัณฑามพฤกษ์ ทรงยกพระบาทขวาเหยียบยอดไม้คัณฑามพฤกษ์ ขณะนั้นยอดเขายุคันธร แลยอดเขาอิสินธรก็น้อมยอดเคียงคู่เข้ามารองรับพระยุคลบาท ในย่างก้าวที่สอง

เมื่อยกพระบาทย่างที่สาม ยอดเขาสิเนรุราช ก็น้อมยอดลงมารับพระบาท

เสด็จพระพุทธดำเนินเพียง 3 ย่าง ก็ทรงนั่งเหนือบัณฑุกัมพล ศิลาอาสน์ ณ ใต้ปาริฉัตรในสวนนันทวันของพระอินทร์

พระอินทร์รีบประกาศให้เทพยดาทั้งหลาย ให้ออกจากทิพยวิมาน ถือเครื่องสักการะอันเป็นทิพย์มาถวายอัญชล พระศาสดาตรัสถามพระอินทร์ “พระมารดาตถาคต อยู่ที่ใด”

พระอินทร์ถวายอภิวาท เสด็จขึ้นไปดุสิตเทวพิภพ ทูลเชิญพระสิริมหามายาเทพบุตร เสด็จลงมา
ตัดฉากลงมาโลกมนุษย์ ตลอดพรรษานั้น บรรดามหาชนที่เคยสดับธรรมเทศนา ก็รู้สึกว้าเหว่บ่นรำพึงถึงอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน พระอนุรุทธ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเอตทักคะทางทิพยจักขุ บอกว่า
พระศาสดากำลังตรัสพระสัทธรรมเทศนา พระสัตตัปกรณาภิธรรม โปรดพระพุทธมารดา
ครบไตรมาส...จนถึงวันมหาปวารณา วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 พระศาสดาทราบจากพระโมคคัลลานะว่า พระสารีบุตร จำพรรษาอยู่ใกล้ประตูเมืองสังกัสสนคร ก็เสด็จลงจากดาวดึงส์ โดยบันไดแก้ว

...

แวดล้อมด้วยพระอินทร์และเทพยดา บนบันไดทอง พระพรหมบนบันไดเงิน เชิงบันไดจดพื้นดินตรงใกล้ประตูเมืองสังกัสสนคร

ขณะเสด็จพระดำเนิน ทรงแสดงโลกวิวรณปาฏิหาริย์ บันดาลเปิดโลกให้เทพยดา แลมนุษย์ให้เห็นกันตลอดจนถึงนรก

วันที่เสด็จลงจากเทวโลกนั้น เรียกกันว่า โทโวโรหนะ แปลว่าการหยั่งลงจากเทวโลก

ระหว่าง พ.ศ.942-957 หลวงจีนฟาเหียน จากจีน ได้จาริกมาถึง...และเล่าไว้ว่า

เมื่อพระพุทธองค์เสด็จลงถึงพื้นโลกแล้ว บันไดทั้ง 3 ก็สูญหายจมลึกไปในพื้นธรณี เว้นแต่อีก 7 ขั้น (ไม่ระบุ แก้ว ทอง เงิน) อีกราว 300 ปีต่อมายังคงเหลือให้ปรากฏแก่ตา พระเจ้าอโศกมหาราช

ทรงปรารถนาจะทราบว่า ที่สุดของบันไดอยู่เพียงไหน ให้คนขุดลงไปดู

จนถึงชั้นน้ำพุสีเหลือง พระเจ้าอโศกฯ ทรงสถาปนาวิหารครอบลงถึงเบื้องบน เบื้องหลังวิหารทรงตั้งเสาศิลาสูงประมาณ 50 ศอก มีสิงห์ตัวหนึ่งอยู่บนยอดเสานั้น

เรื่องปาฏิหาริย์ ทุกศาสนามีเล่าจุนเจิมเสริมศรัทธาองค์ศาสดากันทั้งนั้น...

สำหรับพุทธศาสนา นี่คือเรื่องเล่าในวันเข้าพรรษา...เข้าวัดไหนพระท่านก็เทศน์ให้ฟัง ประโยชน์คือไว้ลับระดับสติปัญญา หากฟังธรรมแล้วเข้าถึงธรรมเมื่อไหร่ ก็คงจะเข้าใจกันไปเอง.

กิเลน ประลองเชิง