ไม่พลิกโผครับ สำหรับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
คนใหม่ ที่คาดหมายกันมาตั้งแต่ต้นว่าจะเป็นของ ดร.วิรไท สันติประภพ คนหนุ่ม วัย 45 ปี...ก็ปรากฏว่าเป็นไปตามที่คาดไว้เป๊ะ
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งตามข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมหมาย ภาษี ในการประชุมเมื่อวันอังคารที่แล้ว...เป็นข่าวใหญ่ข่าวแรกของเว็บไซต์ข่าวต่างๆ ตั้งแต่บ่าย 2 โมงเศษๆ เป็นต้นไป
ดร.วิรไท สันติประภพ อายุ 45 ปี เป็นนักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่ ที่ทำงานในระดับนานาชาติมาเป็นเวลานาน เป็นบุตรชาย พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ...จบการศึกษาปริญญาตรี (เกียรตินิยมอันดับ 1) จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้รับทุนมูลนิธิอานันทมหิดล ไปเรียนต่อปริญญาโท ปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด สหรัฐอเมริกา
เริ่มทำงานเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เคยเป็นที่ปรึกษาช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งให้กับนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จากพรรคประชาธิปัตย์
ล่าสุดเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) รวมทั้งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่เรียกกันว่า “ซุปเปอร์บอร์ด” อีกด้วย
นี่คือประวัติย่อๆของ ดร.วิรไทเท่าที่ผมรวบรวมได้จากสื่อต่างๆ
โดยส่วนตัวผมเองก็ถือว่ารู้จักและเคยร่วมงานกับ ดร.วิรไทมาบ้าง แต่เป็นงานด้านสังคม คือ เป็นกรรมการของ สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ อยู่ด้วยกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง
ทุกๆปีกว่า 20 ปีมาแล้ว ที่สมาคมจะมีการจัดสัมมนาใหญ่ ว่าด้วยภาวะเศรษฐกิจไทย เพื่อจะมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจปีนี้เป็นอย่างไร? ปีหน้าเป็นอย่างไร? ควรลงทุนด้านไหน? ควรระมัดระวังในเรื่องใด? ฯลฯ
...
นับเป็น 1 ในการสัมมนาที่สังคมไทยให้การยอมรับ และจะเป็นข่าวใหญ่ของสื่อมวลชนอยู่เสมอๆ
จนกระทั่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วนี่กระมัง เราก็เริ่มมีความคิดว่า ควรจะ เปิดโอกาสให้นักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่ๆได้แสดงความคิดความเห็นบ้าง
จึงจัดเวลาให้นักเศรษฐศาสตร์ดาวรุ่ง ที่มีความรู้มีความสามารถขึ้นสู่เวทีสัมมนา เพื่อเป็นการเปิดมุมมองให้กว้างขึ้นไปอีก
ปรากฏว่า ดร.วิรไท นี่แหละครับที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ดาวรุ่งคนแรกของสมาคมเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ที่มีโอกาสขึ้นเวทีใหญ่ และก็พูดได้ดีมีข้อคิดเห็นที่ดี มีข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาต่างๆที่แหลมคม เป็นที่ติดอกติดใจผู้เข้าสัมมนาและเกิดได้เต็มตัวตั้งแต่นั้น
ผมจึงรู้สึกยินดีที่คนเก่งคนดีมีความสามารถคนหนึ่งจะมีโอกาสได้ทำงานใหญ่ที่สำคัญที่สุดงานหนึ่งของประเทศ
แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกห่วงใยที่ ดร.วิรไทอายุค่อนข้างน้อยเพียง 45 ปีเท่านั้น ผมไม่แน่ใจว่าจะน้อยที่สุดในบรรดาผู้ว่าการธนาคารชาติทั้งหมด ของเราหรือไม่?
ดังที่ทราบแล้วว่า ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่สำคัญยิ่งยวด และที่ผ่านมา ผู้ว่าฯที่ประสบความสำเร็จและทำหน้าที่ได้อย่างดีนั้น มักจะมี “อาวุโส” มี “ประสบการณ์” ถ้าเป็นข้าราชการเก่าจากกระทรวงการคลัง ก็มักจะเคยเป็นอธิบดีมาเป็นอย่างน้อย หรือถ้าเป็นคนในแบงก์ชาติเอง ก็มักจะมาจากรองผู้ว่าฯอาวุโส
หรือถ้าเป็นคนนอกก็จะต้องเคยผ่านงานบริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ใหญ่ๆมาแล้ว
เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะตำแหน่งนี้มิใช่ต้องการคนเก่งเท่านั้น จะต้องเป็นคนที่มี “บารมี” ด้วย เนื่องจากจะต้องคุมองค์กรที่ใหญ่มาก และประกอบด้วยบุคลากรที่มีความรู้สูงอย่าง ธปท.เอง และยังจะต้องแผ่บารมีสร้างความเคารพนับถือและยำเกรงไปยังธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ซึ่งก็มีบุคลากรที่มีความรู้และประสบการณ์มากมายมหาศาลเช่นกัน
ก็ต้องดูกันต่อไปครับว่า การขึ้นสู่องค์กรที่ไม่ใช่ราชการเต็มตัว และไม่ใช่รัฐวิสาหกิจเต็มที่ แต่ถือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐ และในทางปฏิบัติมักเรียกตัวเองว่า “ทางการ” อย่างเช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ของคนอายุ 45 ปี จะเป็นฉันใดบ้าง
ผมยังเชื่ออยู่เสมอว่า คนเราถ้าเก่งจริง ดีจริง มีความสามารถสูงจริง “บารมี” จะตามมาเอง...ขอให้โชคดีนะน้อง...(แฮ่ม! ก็ถือ โอกาสให้กำลังใจประสารุ่นพี่รุ่นน้องกันซะด้วยเลย)
“ซูม”