เขียนถึงการดำเนินการแต่งตั้ง อัยการสูงสุด คนใหม่และคาดหมายถึงผู้ที่จะขึ้นมาเป็นรองอัยการสูงสุดอีก 6 รายแล้วจะละเลยไม่เอ่ยถึงตำแหน่ง ผู้ตรวจการอัยการ ได้ยังไง

ย้ำ ผู้ตรวจการ นะ ไม่ใช่แบบเดียวกับ ผู้ตรวจราชการ ของกระทรวงต่างๆ โดยตำแหน่งนี้เพิ่งกำหนดกันขึ้นมาไม่นานนัก เป็นข้าราชการอัยการชั้น 7 ชั้นเดียวกับ รองอัยการสูงสุด และเป็นตำแหน่งสำหรับเลื่อน อธิบดีอัยการ จากสำนักงานคดีต่างๆซึ่งเป็นข้าราชการอัยการชั้น 6 มาพักรอก่อนก้าวสู่ตำแหน่ง รองอัยการสูงสุด

แต่ไม่ใช่ให้มารออยู่เฉยๆเพราะอัยการสูงสุดได้มอบอำนาจให้ผู้ตรวจการอัยการปฏิบัติหน้าที่แทนอัยการสูงสุดและมอบหมายให้รับผิดชอบการตรวจราชการอัยการอย่างเต็มที่

บอกไปแล้วเมื่อวานนี้ว่าตำแหน่ง ผู้ตรวจการอัยการ มีอยู่ 11 อัตราพอถึงสิ้นปีงบประมาณนี้ต้องเกษียณอายุพ้นจากตำแหน่งทางการบริหารไปเป็น อัยการอาวุโส เสีย 6 ราย เสียชีวิต 1 ราย เหลือ 4 รายจะได้ขยับเป็น รองอัยการสูงสุด

ดังนั้นในวันที่ 1 ตุลาคม 2558 จะต้องมีคนมาลงในตำแหน่งนี้ 11 รายด้วยกัน โดยที่มาก็ต้องคัดเลือกมาจากผู้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีอัยการจากสำนักงานคดีต่างๆที่มีอาวุโสนั่นเอง

เมื่อตรวจสอบดูคิวอาวุโสของอธิบดีอัยการที่ยังไม่เกษียณก็พบว่านอกจาก 2 คนแรก คือ นางนิภา ยิ้มฉาย อธิบดีอัยการสำนักงานคดีแพ่ง กับ นายนิตสิต ระเบียบธรรม อธิบดีอัยการภาค 9 จะได้เป็น รองอัยการสูงสุด แล้ว

อธิบดีอัยการ 11 คนต่อมาที่จะได้ขึ้นสู่ชั้น 7 เป็น ผู้ตรวจการอัยการ คือ (1)นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ (2)นายอาทร สิขัณฑกนาค อธิบดีอัยการภาค 6 (3)นายธวัชชัย เสียงแจ้ว อธิบดีอัยการภาค 8 (4)นายวัฒนชัย คุ้มวงศ์ดี อธิบดีอัยการภาค 5 (5)นายพงศกร จันทรศัพท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ (6)นางสมสุข มีวุฒิสม อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (7)นายพรศักดิ์ ศรีณรงค์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา (8)นายพงษ์ศักดิ์ แก้วกมล อธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ (9)นายประนต ผ่องแผ้ว อธิบดีอัยการภาค 1 (10)นางนฤมล กีสุริยา อธิบดีอัยการสำนักงาน คดีแพ่งธนบุรี (11)นายเกียรติ หรูรุ่งโรจน์ อธิบดีอัยการภาค 3

...

อยู่ที่ว่าคณะกรรมการอัยการ หรือ ก.อ. จะนัดประชุมเพื่อลงมติเลือกสรรอย่างเป็นทางการเมื่อไรเข้าใจว่าผลที่ออกมาคงจะไม่ผิดไปจากนี้

แยกแยะดูแล้วพบว่า อธิบดีอัยการภาค ที่ดูแลอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดได้ขึ้นถึง 5 รายในจำนวน 11 อัตรา นี่แสดงว่าอัยการที่มีอาวุโสหลายคนเลือกที่จะทำงานในส่วนภูมิภาคด้วยระยะเวลาอันยาวนานจนถึงจุดที่ไม่อาจเลือกได้อีกแล้วจึงเข้ามาเติบโตในส่วนกลาง

ทั้งนี้เพราะหลักเกณฑ์การคัดเลือกมองที่ตัวบุคคลมากกว่าตำแหน่งที่ครอง

อีกประการหนึ่งมี อัยการหญิงระดับอธิบดี อีก 2 รายที่จะได้ขึ้นเป็นผู้ตรวจการอัยการในคราวนี้อย่างน่ายินดี.

“ซี.12”