เวลา 08.48 น. วันที่ 24 พ.ย. เป็นวันปิดฉากชีวิตของชายชื่อ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี คนที่ 25 ของไทย ที่ถึงแก่อสัญกรรมจากโรคมะเร็ง ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ผู้ซึ่งทุกบทบาท ทุกย่างก้าว ล้วนแต่เป็นที่สนใจจับตาของคนทั่วไปตลอด 41 ปีที่อยู่ในแวดวงการเมือง
นายสมัคร เป็นที่รู้จักเมื่อได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ ทั้งที่เพิ่งได้รับเลือกเป็น ส.ส.กทม.สมัยแรกเมื่อปี 2518 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และขยับขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในปีถัดมา นับเป็นรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุด
รุ่งเรืองสุดขีดเมื่อเป็นหัวหน้าพรรคประชากรไทย นำลูกพรรคฝ่าสนามเลือกตั้งเข้ามาเป็น ส.ส. กทม.ได้อย่างถล่มทลายพลิกความคาดหมาย และได้เป็น ส.ส.กทม.เรื่อยมาทุกสมัยเลือกตั้ง รวม 10 สมัย เป็นรัฐมนตรีมาแล้วแทบทุกกระทรวง แม้ กทม.จะอยู่ในยุค "มหาจำลอง" พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หรือแม้กระทั่ง พรรคประชากรไทย จะเหลือตัวเขาเป็น ส.ส.เพียงคนเดียว
สมัคร สุนทรเวช ยังสร้างความตื่นตะลึงเมื่อลงสมัครเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ในปี 2543 แข่งกับพรรคไทยรักไทยที่ขณะนั้นความนิยมลามไปทั่วทุกหย่อมหญ้า แต่เขาก็สามารถเอาชนะได้อย่างท้วมท้นด้วยคะแนนเกินหนึ่งล้านเสียง
ความที่เป็นนักการเมืองฝีปากกล้า วิจารณ์ทุกเรื่องอย่างตรงไปตรงมา ไม่เกรงหน้าอินทร์ หน้าพรหม ทำให้เขาเป็นที่เกลียดชังของคนไม่น้อย แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ชื่นชอบ รวมไปถึงชื่นชมอุปนิสัยส่วนตัวที่มีความเป็น "ไทย" อยู่ในสายเลือดแท้ๆ ทั้งชอบดนตรีไทย ขับเสภา กลอน ได้อย่างไพเราะ ใช้ภาษาไทย ได้ตามหลัก ตรงไวยากรณ์ สามารถใช้ภาษาไทยทิ่มแทงฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเจ็บแสบ
พอหมดสมัยการเป็นผู้ว่าฯ กทม. สมัคร สุนทรเวช ทำท่าว่าจะยุติบทบาททางการเมือง ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขกับการทำรายการอาหาร "ชิมไปบ่นไป" "ยกโขยง6โมงเช้า" เขียนหนังสือ เลี้ยงแมวที่เขารัก แต่แล้วก็ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกอีกครั้ง และก็ครองใจคนกรุงได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นอันดับ 2 เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2549 แต่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นทำหน้าที่ ก็เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเสียก่อนในวันที่ 19 ก.ย. 2549
ในห้วงที่ "ทักษิณ" โดนกลุ่มอำนาจเก่าร่วมมือกันโค่นลงจากอำนาจ พรรคไทยรักไทยถูกยุบ บรรดาคนรอบข้างต่างหลบลี้หนีภัย แต่ สมัคร สุนทรเวช กลับตัดสินใจอย่างกล้าหาญ รับเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่แทนโดยไม่กลัวถึงภัยที่จะตามมา และฝากวาทะอันอหังการไว้เป็นประวัติศาสตร์ว่า "ผมจะเป็นนอมินีให้นายกฯ ทักษิณ" และ "ผมจะทำพรรคการเมืองนี้ให้แข็งแรง เพื่อจะเอาประชาธิปไตยกลับมาให้บ้านเมืองนี้"
...
จนในที่สุด สมัคร สุนทรเวช ก็สามารถนำพาลูกพรรคพลังประชาชน ลุยชนะการเลือกตั้งในเดือน ธ.ค. 2550 มาได้ ทั้งที่ถูกระบอบเผด็จการ กลุ่มอำนาจเก่า ชนชั้นปกครองสกัดกั้นทุกวิถีทาง ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2551
แม้การบริหารประเทศบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี จะเต็มไปด้วยอุปสรรค ขวากหนาม แต่ สมัคร สุนทรเวช ก็ยังสามารถผลักดันนโยบายที่เป็นคุณประโยชน์กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน คือ มาตรการช่วยค่าครองชีพ รถเมล์ รถไฟ น้ำประปา ไฟฟ้า ฟรี ตรึงราคาค่าก๊าสแอลพีจี
กระทั่ง วันที่ 9 ก.ย. 2551 ศาลรัฐธรรมชี้ขาดว่า สมัคร สุนทรเวช ขาดคุณสมบัติ ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากการเป็นพิธีกรจัดรายการทำอาหาร "ชิมไปบ่นไป" และ "ยกโขยง 6 โมงเช้า" จากนั้น ชื่อของเขาได้ห่างหายไปจากสังคมไทย โดยมีข่าวว่าเขาป่วยเป็นมะเร็งต้องไปพักรักษาตัวที่ต่างประเทศ และกลับมารักษาต่อที่เมืองไทย จนถึงแก่อสัญกรรมในที่สุด
ปิดตำนานโดยสมบูรณ์..