พท.โยน‘บิ๊กตู่’รู้ดีเรื่องคดีจำนำข้าวสมัยเป็นผบ.ทบ.
“บิ๊กตู่” แจ็กพอตโดนลากเข้าไปเอี่ยวคดีข้าว เด็ก พท. ซัดที่บอกเคยเตือน “ปู” พูดจริงหรือหลอก แต่ยุคเป็น ผบ.ทบ.น่าจะรู้เรื่องดีเพราะสั่งทหารไปบล็อกสวมสิทธิ์ข้าวตามแนวชายแดน ทนายอัดนายกฯพูดเหมือน ป.ป.ช.เปี๊ยบ หวั่นส่งซิกชี้นำคดี “ปู” ยังอยู่เชียงใหม่ควง “น้องไปก์” ไปโซ้ยก๋วยเตี๋ยวร้านดังมื้อเที่ยง “โอ๊ค” อัด ป.ป.ช. 2 มาตรฐานฟัน “อาเขย” สลายม็อบยุค “มาร์ค” ตายเป็นร้อยดันรอด “มัลลิกา” กรี๊ดจำนวนศพไม่สำคัญ จวกทีคดีเสื้อแดงเงียบกริบ-ญาติโดนดิ้นพล่าน “กษิต” บี้ สปช.ปฏิรูปกองทัพ ชงยุบ บก.สส.-กกล.ส่วนหน้า “กลุ่มพลเมืองโต้กลับ” โผล่หอศิลป์ต้านรัฐประหาร ทหาร-ตร.บุกเคลียร์เจอฮึดสู้หวิดวุ่นสุดท้ายรวบไปได้ 5 เจอปรับข้อหาป่วนสถานการณ์การเมืองในวันวาเลนไทน์ยังไม่เห็นบรรยากาศแห่งความรักและยังย่ำอยู่กับการตอบโต้กันในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคดีความของนักการเมือง
“ทนายปู” อัด “บิ๊กตู่” พูดชี้นำคดีข้าว
วันที่ 14 ก.พ. นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่ปรากฏเป็นข่าวพาดหัวว่า “ตู่เผยเคยเตือนปูจำนำข้าวว่า มีปัญหาแน่ แต่เจ้าตัวบอกว่า ไม่เป็นไร พร้อมจะรับผิดชอบ” นั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่าการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ในลักษณะทำนองเดียวกับ ที่ ป.ป.ช.กล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ และระบุว่าเคยเตือนแล้วเช่นกัน อาจจะเป็นการชี้นำคดีได้ ในฐานะทนายความ จึงขอเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ว่า เมื่อ คดีความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ก็ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามปกติของ กระบวนการยุติธรรม อย่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกมาชี้นำคดีได้
...
เตรียมยื่นค้านแก้เกมฟ้องแพ่ง
นายนรวิชญ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.เตรียมจะยื่นเรื่องให้กระทรวงการคลังเรียกค่าเสียหายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ในคดีโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งฟ้องร้องทางแพ่งในวันที่ 17 ก.พ. ทีมทนายความได้ปรึกษาหารือกันแล้ว หาก ป.ป.ช.ไปยื่นวันใด ทาง ทีมทนายก็จะไปยื่นคัดค้านด้วยเช่นกัน เพราะเห็นว่าศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีความผิดในกระบวนการพิจารณาของศาล ก็ยังมีขั้นตอนที่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน นอกจากนี้ ในโครงการรับจำนำข้าว กระทรวงการคลังเองเป็นกระทรวงหลัก ในการดำเนินโครงการ การจะให้กระทรวงการคลังเป็นผู้เสียหายและคิดคำนวณค่าเสียหายนั้น ยังมีปัญหาในข้อกฎหมายหลายประการ
เด็ก พท.เหน็บนายกฯอาจมโนไปเอง
นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ระบุว่าได้เคยเตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวในสมัยที่เป็น ผบ.ทบ. แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์บอกว่าไม่เป็นไร และพร้อมจะรับผิดชอบนั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่สมควรพูดเช่นนี้ เพราะคดีกำลังจะไปศาล และสังคมก็ไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์จริงหรือไม่ หากจะให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกมาตอบโต้ก็จะไม่ดี ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผบ.ทบ.คงทราบเรื่องการจำนำข้าวเป็นอย่างดี เพราะทหารที่มี หน้าที่ป้องกันการสวมสิทธิข้าวตามแนวชายแดน ซึ่ง ตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้เข้ามาช่วยดูแลปัญหาดังกล่าว
สวด “ถาวร” แฉ “ปู” เหมาเครื่องหนี
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ขอยืนยันอีกครั้งว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่มีความคิดที่ จะหลบหนีไปไหน ตั้งใจจะสู้คดีเพื่อหาความยุติธรรมจนถึงที่สุด เพราะคดีความที่ท่านถูกกล่าวหานั้นเป็นการละเว้น ไม่ยับยั้งการทุจริต ตัวท่านไม่ได้ทำการทุจริตแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เช่าเครื่องบินเหมาลำจำนวน 2 ลำไว้ ทั้งที่ จ.เชียงใหม่และกรุงเทพฯ เพื่อหลบหนี หาก คสช.อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศนั้น ถ้านายถาวรมีหลักฐานก็นำมาแสดง อย่ามาพูดโกหกพล่อยๆ แบบนี้ เคยเป็นถึงรัฐมนตรีมาพูดอย่างนี้ไม่ได้ พูดใส่ร้ายให้คนอื่นเสียหาย วันนี้บ้านเมืองต้องการความจริง ต้องการความปรองดอง แต่นายถาวรต้องการเพิ่มความขัดแย้งหรืออย่างไร
โต้คดีกบฏร้ายแรงกว่าเยอะ
นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช.กล่าวว่า เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯจะไม่หนีออกนอกประเทศอย่างแน่นอน เพราะกรณีโครงการจำนำข้าวเป็นเรื่องที่ทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชนและสร้างประโยชน์ให้ประชาชนจำนวนมาก เมื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนก็ทำให้รัฐสูญเสียเงินบ้าง และทุกรัฐบาลก็ทำโครงการลักษณะเดียวกันเช่น การประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ถ้าโครงการนี้ผิด โครงการอื่นๆก็คงจะผิดเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม หากมีการตัดสินออกมาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำผิด เชื่อว่าประชาชนที่เคยได้รับอานิสงส์จากโครงการจะออกมาให้กำลังใจอย่างล้นหลามแต่ให้กำลังใจแบบไหนยังตอบไม่ได้ ส่วนนายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. และนายสุริยะใส กตะศิลา ออกมาพูดโจมตี กล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์จะหนีออกนอกประเทศนั้น ตนมองว่าคดีนายถาวรและนายสุริยะใส ข้อหากบฏร้ายแรงกว่าคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์หลายเท่าและควรจะหนีมากกว่า
“ปู” ไปโซ้ยก๋วยเตี๋ยวลิ้มเหล่าโหงว
ทางด้านความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังคงอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ หลังจาก ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชายร้องขอให้อยู่เที่ยวพักผ่อนที่ จ.เชียงใหม่ต่อไป โดยช่วงเที่ยงของวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์พาน้องไปป์ไปกินอาหารที่ร้านก๋วยเตี๋ยวลิ้มเหล่าโหงว ข้างอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ โดยมีประชาชนให้การต้อนรับเหมือนเช่นเคย เข้ามาขอจับมือถ่ายรูป บางคนนำดอกกุหลาบมาให้เนื่องในโอกาสวันวาเลนไทน์ พร้อมให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในการต่อสู้คดี ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังคงมีท่าทียิ้มแย้มแจ่มใสทักทายขอบคุณประชาชนที่มาให้กำลังใจ โดยคาดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับ กทม.ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า เพื่อหารือทีมทนายในการต่อสู้คดีต่อไป
“โอ๊ค” ลาก “มาร์ค” ซัด ป.ป.ช.
นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาวิจารณ์การเมือง ตนก็ขอวิจารณ์บ้าง นายอภิสิทธิ์บอกว่า ป.ป.ช.ยื่นฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และพวกรวม 4 คน จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ปิดล้อมทางเข้ารัฐสภาในปี 51 กระทั่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 471 รายนั้น แตกต่างจากการสลายการชุมนุมที่มีคนตายเกือบ 100 ศพในปี 53 โดยอ้างขั้นตอนและข้อกฎหมายต่างๆเพียงเพื่อจะชี้นำความคิดของตนต่อสังคมว่าการสลายการชุมนุมจนมีคนตายร่วม 100 คนไม่ผิดกฎหมาย แต่การสลายการชุมนุมที่มีคนตาย 2 คนนั้นผิดกฎหมาย ตนได้เขียนในโพสต์ที่แล้วว่าการปรองดองจะเกิดขึ้นได้ ความยุติธรรมต้องมาก่อน และระบบสองมาตรฐานต้องหมดไปจากสังคมไทย หากการสลายการชุมนุมของคนสีหนึ่ง มีคนตายร่วมร้อยคน โดยนายกฯไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ขณะที่อีกสีหนึ่งตาย 2 คน ผู้เกี่ยวข้องกลับโดนฟ้องดำเนินคดีกันหมด แบบนี้การปรองดองก็จะเกิดขึ้นลำบาก
เตือนหลงคารมรูปหล่อเจอทางตัน
“ในวันแห่งความรัก แทนที่จะหูเบาคล้อยตามคนรูปหล่อพูดจาดี ยุแยงให้ใช้กระบวนการ 2 มาตรฐาน มาไล่บี้คนกลุ่มหนึ่งสีใดให้เข้าสู่ทางตันดังเช่นการรัฐประหารครั้งที่ผ่านๆมา ผู้ที่มีอำนาจในขณะนี้ควรใช้โอกาสที่นักการเมืองและกองเชียร์ทุกสีทุกฝ่าย หยุดพูดหยุดทะเลาะกันในวันนี้ ทำให้คนทุกกลุ่มทุกสี รู้สึกว่าตนเองได้รับความยุติธรรมมีสิทธิทัดเทียมกับคนกลุ่มอื่นๆก่อนคืนความเป็นธรรมให้กับคนทุกฝ่าย ความสุขจะกลับคืนมาสู่สังคมไทยเอง “Happy Valentine’s Day”
“มัลลิกา” กรี๊ดจำนวนศพไม่สำคัญ
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตอบโต้นายพานทองแท้ ชินวัตร ว่า “พานทองแท้อยากเจอทหารแท้ ที่พล่านเมื่อคดีอดีตนายกฯสมชาย อาเขยของตัวและนอมินีของพ่อตัวถูกส่งฟ้องคดีถึงศาลแล้วปีนี้ ก็บิดเบือนตามถนัด จึงน่าจะมีใครสอนกฎหมายให้พานทองแท้เสียบ้าง เหตุการณ์สลายการชุมนุมพันธมิตรปี 2551 อัยการเพิ่งจะตื่นมาสั่งฟ้องหลังคดีแช่มาตั้ง 6-7 ปี ส่วนคดีเหตุการณ์ปี 2553 ผ่านมา 4-5 ปี พานทองแท้น่าจะเรียนให้มาก อยากโชว์ก็หัดรู้กฎหมายบ้าง กรณีจำนวนคนตาย 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 471 รายในปี 51 กับคนตาย 98 หรือ 100 ราย ซึ่งนับรวมทั้งทหาร นักข่าว ประชาชนที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับการชุมนุม ปี 53 คุณค่าชีวิตไม่ต่างกัน จำนวนศพมิใช่ข้ออ้างว่า คดีใดสำคัญมากน้อยไปกว่ากัน ทุกคดีมีความสำคัญ แต่ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงจนได้ข้อยุติในชั้นกระบวนการยุติธรรมทั้งสิ้น
สับแดงโดนเงียบ–ญาติโดนพล่าน
น.ส.มัลลิการะบุต่อว่า การจะนั่งท่องคำว่าปรองดองโดยวิธีให้พวกตัวเอง พ่อตัวเอง อาเขยตัวเอง และอาหญิงของตัวเองพ้นผิดอยู่เหนือกฎหมายโดยไม่สนว่าคนอื่นเขาอยู่ใต้กฎหมาย แบบนี้มันอันธพาล ไม่ใช่คนที่เสื้อแดงจะหวังพึ่งได้ เพราะเวลาเสื้อแดงโดนจับคดีหมิ่นสถาบันฯ ม.112 พานทองแท้เงียบ เวลาเสื้อแดงโดนจับคดียิง คดีระเบิดผู้ชุมนุม ก็เงียบ แต่พอเรื่องกระทบมาที่เครือญาติก็ดิ้นพล่านทันที
“สังศิต”โยน สปช.ปฏิรูปอัยการ–ศาล
ที่โรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ร่วมกับสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) จัดโครงการสัมมนาและรับฟังความคิดเห็น ประเด็น การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน โดยนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธาน สปท.กล่าวเปิดการสัมมนาตอนหนึ่งว่า การปฏิรูประบบราชการคาดว่าในรัฐบาลชุดนี้อาจจะเกิดขึ้นได้จริง แต่อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากหลักคิดการปฏิรูปยังถูกชี้นำโดยคนในระบบราชการ ดังนั้น จะทำอย่างไรจึงจะทำลายระบบอุปถัมภ์แบบพรรคพวกได้สำเร็จ ทำอย่างไรจึงจะทำให้วัฒนธรรมแบบดั้งเดิมค่อยๆ สูญสลายไป เพื่อให้การปฏิรูประบบราชการเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะที่ผ่านมาประชาชนยังมีคำถามกับการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่โปร่งใสอยู่ โดยเฉพาะตำรวจ อัยการ รวมถึงศาลด้วย การปฏิรูปครั้งนี้ต้องหากลไกเข้ามาเพื่อทำให้ระบบราชการปราศจากการแสวงหาประโยชน์จากกลุ่มการเมือง ควรทำให้พรรคการเมือง ที่เป็นตัวแสดงสำคัญ เป็นสถาบันพรรคการเมืองที่มีความโปร่งใส
มี 7 ประเด็นควรเขียนใน รธน.
นายธีรยุทธ หล่อเลิศรัตน์ ประธาน กมธ.ปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวว่า สิ่งที่มองว่าเป็นปัญหาและควรจะกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างน้อย 7 ประเด็น คือ 1.ธรรมมาภิบาล จริยธรรม การซื้อขายตำแหน่ง การทำความเสียหายต่อระบบราชการ จัดตั้งองค์กรจริยธรรมและธรรมาภิบาลแห่งชาติ 2. กำหนดขอบเขตอำนาจการปกครองในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ให้มีความเหมาะสม 3. การจัดบริการสาธารณะ อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ให้กับประชาชนทุกระดับ 4. การเข้าถึงบริการภาครัฐของประชาชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน 5.การจัดบทบาท ขนาดและการขยายตัวภาครัฐ โดยให้เอกชนเข้ามาร่วม 6. ความมั่นคงแห่งรัฐ ต้องมีการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว และ 7.ระบบงบประมาณและการคลัง การดูแลการใช้จ่ายงบประมาณ โดยเน้นการควบคุมที่ผลงานและสร้างกลไกบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานตามภารกิจต่างๆ
“กษิต” บี้ปฏิรูปกองทัพ–ยุบ บก.สส.
นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การปฏิรูประบบราชการนั้นนอกจากจะต้องปฏิรูปตำรวจแล้ว ตนขอเสนอให้ปฏิรูปกองทัพด้วยและเสนอให้ยุบกองบัญชาการทหารสูงสุด และกองกำลังส่วนหน้า เพราะเกินความจำเป็นและเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองส่วนนี้จะใหญ่เท่า 3 เหล่าทัพ ส่วนเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน จะพูดถึงแค่ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นนั้นไม่พอ ซึ่งการกระจายอำนาจต้องรวมถึงภาคเอกชน ภาคชุมชนและภาคประชาสังคมด้วย
พท.ชงเขียน รธน.แบบไร้อคติ
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำหนังสือเชิญเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทย ไปร่วมให้ความเห็นถึงแนวทางการปฏิรูประบบการเมือง นักการเมือง ในวันที่ 16 ก.พ.ว่า พร้อมจะไปร่วมให้ความเห็น สิ่งที่จะเสนอคือ การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อสร้างความปรองดอง ความสามัคคี ต้องยึดหลักประชาธิปไตย ไม่ใช่มาจากอคติของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ เพราะสังคมทุกวันนี้มีการแบ่งแยกอย่างชัดเจน ดังนั้น การจะเขียนกติกาใดออกมา ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของทุกฝ่าย ไม่ใช่คิดอะไรก็เขียนออกมา หากเขียนออกมาแล้วประชาชนไม่ยอมรับก็จะมีปัญหาอีก
เปรียบองค์กรใหม่เป็นเกสตาโป
นายสามารถกล่าวว่า เท่าที่เห็นเนื้อหาในร่าง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สิ่งที่เป็นห่วงคือ เรื่องการตั้งองค์กรใหม่ๆขึ้นมา อาทิ การให้มีคณะผู้ตรวจสอบข้อมูลเรื่องการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน การเสียภาษีของผู้สมัคร ส.ส. ถ้าไม่สามารถชี้แจงที่มาของรายได้ ก็ไม่ให้สมัครรับเลือกตั้ง หรือการตั้งสมัชชาพลเมือง มาจัดทำและเห็นชอบงบประมาณพัฒนาพื้นที่ และมีส่วนร่วมกับองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นในการบริหารจัดการพื้นที่นั้น องค์กรใหม่ๆเหล่านี้ เหมือนมีอคติกับนักการเมือง ไม่ไว้วางใจประชาชน ตั้งองค์กรมาตรวจสอบการเมืองทุกระดับ องค์กรเหล่านี้เหมือนดาบสองคม เพราะถ้าได้คนที่ไม่เป็นกลาง มีอคติ จะยิ่งเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มมากขึ้นจะวุ่นวายไปทั่วประเทศ เหมือนมีเกสตาโปมาคุมในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด หากคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญออกมาในแนวทางเช่นนี้ก็ถือว่าน่าเป็นห่วง