ผมไม่ค่อยได้ติดตามอ่านข่าวบันเทิงเท่าไรนักจึงไม่ทราบว่าหน้าข่าวบันเทิงของหนังสือพิมพ์ได้ลงข่าวเกี่ยวกับดาวตลกดังของประเทศไทย “เป็ด เชิญยิ้ม” เรียนจบปริญญาเอกไว้บ้างหรือยัง
จนกระทั่งเมื่อวานนี้เองไปเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ทางด้านกีฬา คือ “สยามกีฬา” จึงได้พบกับข่าวที่น่าชื่นชมข่าวนี้
เหตุที่หนังสือพิมพ์สยามกีฬาเขานำเรื่องราวการเรียนหนังสือจนจบปริญญาเอกของ “เป็ด เชิญยิ้ม” มาลงไว้อย่างละเอียด เป็นเพราะอีกบทบาทหนึ่งของดาวตลกรายนี้ก็คือ เขาชอบเล่นฟุตบอล เคยเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล และปัจจุบันเป็น สภากรรมการ คนหนึ่งของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
ดร.เป็ด เชิญยิ้ม หรือในชื่อจริงว่า ธัญญา โพธิ์วิจิตร เคยเรียนที่ สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จนถึงปี 3 ก่อนจะออกมาโลดแล่นในแวดวงบันเทิงและหยุดการเล่าเรียนไว้เพียงเท่านั้น ในช่วงแรกของชีวิต
แต่หลังจากประสบความสำเร็จในการแสดงตลกด้วยการก่อตั้งคณะ “เชิญยิ้ม” ร่วมกับ โน้ต เชิญยิ้ม และ “ศรีหนุ่ม เชิญยิ้ม” จนโด่งดังและกลายเป็นตำนานของคณะตลกรุ่นใหม่ ทั้ง 3 คนก็แยกกันออกไปแสวงหาความสำเร็จในเส้นทางของตนเอง
เป็ด เชิญยิ้ม ลงทุนตั้งบริษัทของเขาเอง ได้แก่ บริษัทโคเมดี้ไลน์ ผลิตรายการตลกเป็นที่ชื่นชมของแฟนๆโทรทัศน์หลายรายการ อาทิ “ก่อนบ่ายคลายเครียด” และ “คอมมีเดียนไทยแลนด์” เป็นต้น
พร้อมกับเพิ่มบทบาททางด้านรับใช้สังคมด้วยการเข้ารับตำแหน่งเก้าอี้นายกสมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทย และเริ่มเข้าสู่วงการฟุตบอลจนได้เป็นสภากรรมการของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯในที่สุด
ขณะเดียวกันก็หันกลับเข้าสู่การเรียนอีกครั้ง จนจบปริญญาตรี การเมืองการปกครองจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
...
แล้วก็ไปต่อปริญญาโทหรือมหาบัณฑิตบริหารธุรกิจ จาก มหาวิทยาลัยศรีปทุม ในด้านธุรกิจการกีฬาและบันเทิง
จากนั้นก็เข้าศึกษาต่อปริญญาเอกที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนจบปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา ได้ “ปริญญาเอก” และสามารถใช้คำนำหน้าว่า “ด็อกเตอร์” ได้ในที่สุด
เป็นปริญญาเอกที่ต้องร่ำเรียนอย่างจริงจังมิใช่การเสนอให้เพื่อเป็นเกียรติยศที่เรียกกันว่า “ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์” อย่างที่มหาวิทยาลัยต่างๆมอบให้แก่ผู้มีชื่อเสียงทั้งหลาย
ต้องใช้เวลาเรียนถึง 5 ปี 11 เดือน จึงผ่านหลักสูตรมหาโหดของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่เก่าแก่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทยรองจากจุฬาฯ และธรรมศาสตร์...มาได้
“ผมสอบภาษาอังกฤษตกถึง 7 ครั้ง จนเกิดความรู้สึกท้อ...แต่ที่จบมาได้มีสิ่งเดียวเท่านั้นคือความพยายาม” เป็ด เชิญยิ้มกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เพราะอะไรถึงต้องพยายามถึงขนาดนั้น? ดร.เป็ดตอบว่า “เพราะมีแรงผลักดันหลายอย่าง อย่างแรกคือคนรอบข้างและสังคม...ต่อมาคือเรื่องลูกที่เราอยากทำให้เป็นตัวอย่างให้เขาได้เห็นว่า เราทำงานมาทั้งชีวิต เราก็สามารถเรียนจบปริญญาเอกได้ และเป็นภาพลักษณ์ให้สังคมได้เห็นด้วยว่าอายุเยอะแค่ไหนก็เรียนได้”
ดร.เป็ดจบด็อกเตอร์เมื่ออายุครบ 60 ปีพอดิบพอดี และยังมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าต่อไปอีก โดยบอกกับสยามกีฬาไว้ว่า
“เป้าหมายจากนี้คือเป็นคนดีของสังคม เอาองค์ความรู้ที่ได้จากการเรียนไปสานต่อให้กับสังคม นำประสบการณ์ตัวเราเองกับหลักวิชาการที่ได้รับจากมหาวิทยาลัยไปถ่ายทอดให้กับคนรุ่นต่อไป”
อีกประโยคหนึ่งของเขาที่ให้สัมภาษณ์ไว้อย่างกินใจมาก ผมขออนุญาตนำมาลงให้อ่านกันด้วยนะครับ เผื่อจะเป็นข้อคิดของคนที่ชอบคิดแบบท้อถอยหรือหมดกำลังใจง่ายๆได้บ้างไม่มากก็น้อย
“อาชีพตลกเป็นอาชีพที่คนดูหมิ่นดูแคลนว่าเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน ไม่มีหลักประกัน ไม่มีหลักแหล่ง ผมพยายามพิสูจน์ตัวเองมาตลอดว่าสุดท้ายตลกก็มีความสามารถและมีความตั้งใจไม่แตกต่างไปจากคนอื่นทั่วไป อีกอย่างก็เป็นอาชีพที่สุจริตด้วย”
ขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจสำหรับ ดร.ธัญญา โพธิ์วิจิตร หรือ “เป็ด เชิญยิ้ม” ที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถอันสุดยอดอีกประการหนึ่งของดาวตลก คือ เป็นตลกคนแรกของประเทศไทยที่จบปริญญาเอก
นอกเหนือไปจากการเป็นดาวตลกไทยคนที่ร้อยแล้วกระมังที่มีเมียสวย (นั่นน่ะซี...ทำไมดาวตลกถึงมีเมียสวยกว่าอาชีพอื่นก็ไม่รู้แฮะ?)
“ซูม”