ในหนังสือโชคและปาฏิหาริย์ เล่มล่า สำนักพิมพ์จิตรา (หสม.สุขสมบูรณ์) พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2557 คุณจิตรา ก่อนันทเกียรติ เขียนเรื่อง ศาลเจ้าที่ตั้งขึ้นจากความเชื่อในความฝัน หนึ่งในสองศาล...ศาลเจ้าต่องย่องสู อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต
คุณจิตราเกริ่นนำเรื่องด้วยการให้ความรู้เรื่องอั้งยี่...อั้งยี่ แปลว่า ตัวอักษรสีแดง ดั้งเดิมเป็นสมาคมลับในเมืองจีน จัดตั้งเป็นก๊กเป็นแก๊งต่อต้านราชวงศ์แมนจู หรือราชวงศ์เช็ง (ระหว่าง พ.ศ.2187-2454)
แต่อั้งยี่ในเมืองไทยไม่ใช่สมาคมลับ เพียงแต่คนจีนรวมตัวกันเป็นก๊กเป็นแก๊ง เรียกหัวหน้าใหญ่ว่า ตั้วเฮีย เรียกมือรองว่า หยี่เฮีย ซาเฮีย
ปัญหาทางใต้ ส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากการรวมกลุ่มมาของจับกังเหมืองแร่ที่ทำงานกับอังกฤษในมลายู เป็นการรวมตัวกันคล้ายสหภาพแรงงานในปัจจุบัน
ที่มีชื่อเสียงมาก คือกลุ่มกรรมกรงี่หิน หรือยี่หิน อีกกลุ่ม ปุงเถ่ากง คำปุงเถ่ากง คุณจิตราบอกว่า ถ้าแปลว่า เจ้าถิ่น จะได้กลิ่นอายมากขึ้น
จับกังเหมืองแร่ภูเก็ต ก็เอาตัวอย่างกลุ่มงี่หิน มีคนแซ่ลิ้ม เป็นตั้วเฮีย เรียกว่าพวกแดง มีพรรคพวกประมาณ 3,500 คน มีอิทธิพลอยู่ในอำเภอกะทู้ จึงมีอีกฉายาเรียกว่าพวกกะทู้
กลุ่มปุงเถ่ากง เรียกว่าพวกขาว ตั้วเฮียเป็นคนแซ่ตั้ง มีพรรคพวกประมาณ 4,000 คน มีอิทธิพลอยู่ย่านตลาดภูเก็ต เรียกกันว่าพวกตลาด
การทำเหมืองแร่ ต้องใช้สายน้ำล้างแร่ สองกลุ่มนี้ทะเลาะกัน แย่งสายน้ำล้างแร่ แล้วก็บานปลายไปทะเลาะกันด้วยผลประโยชน์อื่นๆ
พวกตลาดถือว่ามีพวกมากกว่า ทั้งยังสนิทสนมกับเจ้าเมืองภูเก็ตด้วย
ครั้งหนึ่ง พวกกะทู้เมาเหล้า มีเรื่องกับพวกตลาด ถูกจับตัวส่งเจ้าเมืองภูเก็ต เจ้าเมืองสั่งลงโทษ พวกกะทู้รวมตัวกันกว่า 300 คน ดาหน้าเข้าไปที่จวนเจ้าเมือง จะแย่งนักโทษออกมาให้ได้
...
เรื่องบานปลายใหญ่โต เจ้าเมืองเจอพวกกะทู้มาก ต้องพาครอบครัวหนี
ระหว่างนั้น พระยามนตรี น้องเขยเจ้าเมือง พยายามนำกำลังคนมาป้องกันเมือง และพยายามเจรจากับพวกกะทู้
ตอนนี้เอง มีบันทึกว่า พวกจับกังได้ฉวยโอกาสปล้น เผาบ้านเรือน และไล่ฆ่าชาวบ้าน พระยามนตรีเจรจา รับปากกับพวกจับกังว่า จะช่วย ทั้งยังส่งหนังสือไปให้ตั้วเฮียทั้งสองฝ่าย สั่งให้ลูกน้องอยู่ในความสงบ
แต่ก็ไม่ได้ผลเต็มที่ อั้งยี่สองกลุ่มก็ยังเปิดฉากปะทะกัน ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ
การปะทะครั้งหลัง...พวกตลาดพลาดท่า มีคนถูกฆ่าตายไปมาก จากที่เคยมีพวกมาก ก็กลายเป็นเหลือน้อย ทั้งยังมีเค้าว่า หากจะปะทะกันต่อไป ไม่มีทางชนะได้อีก
ครั้งนี้เอง ฝ่ายตลาดที่ไม่เคยมีทีท่ายอมเจรจา กลับเป็นฝ่ายขอเจรจา ผลการเจรจาเป็นไปด้วยดี จนมีนัดกินเลี้ยงฉลองความสัมพันธ์ ครั้งใหม่ ที่ทุ่งคา วันที่ 17 เดือน 6 ของจีน พ.ศ.2422
ทุ่งคา เป็นเขตแดนของฝ่ายตลาด ถือตัวเป็นเจ้าภาพ จัดอาหารอย่างดีพร้อมเหล้า ออกมาเลี้ยงเต็มที่ จนฝ่ายกะทู้เมากันทั่วหน้า หลายคนหลับคาโต๊ะ หลายคนนอนหลับอยู่กับพื้น
ถึงเวลานั้น ฝ่ายตลาดก็เริ่มแผนพิฆาต จุดไฟเผาสถานที่จัดเลี้ยง กะจะเผาทั้งเป็น ฝ่ายกะทู้ที่ฟื้นขึ้นได้ วิ่งหนีออกมา ก็ถูกพวกตลาดรุมฆ่า
มีบันทึกว่า ยุทธการครั้งนี้ อั้งยี่กะทู้ตายไปถึง 413 คน เหลือรอดกลับไปเล่าให้ครอบครัวที่กระทู้ฟัง เพียงคนเดียว
หลังจากนั้นไม่นาน ลูกเมียพี่น้องคนตาย หลายคนฝันว่า มีวิญญาณเร่ร่อน ร้องให้ช่วยหาที่อยู่อาศัย พวกกะทู้จึงช่วยกันจัดหาที่ดิน
สร้างศาลให้
ตั้งชื่อศาลเป็นภาษาฮกเกี้ยนว่า ต่องย่องสู จีนแต้จิ๋ว เรียก ตงโอวังซื้อ จีนกลาง ออกเสียงว่า จงหย่งฉือ
ต่อง...หรือ ตง หรือจง แปลว่า ซื่อตรง
ย่อง หรือโอวัง หรือหย่ง แปลว่า กล้าหาญ
สู หรือ ซื้อ หรือฉือ แปลว่า ศาลบรรพบุรุษ
ทุกวันที่ 17 เดือน 6 ของจีน จะมีการไหว้ใหญ่ประจำปี ชาวบ้านและลูกหลานจับกังกลุ่มงี่หิน จะเอาของไปเซ่นไหว้ วันนั้น แท้จริงเป็นวันครบรอบวันตายของบรรพบุรุษนั่นเอง
กรณีที่มีคนตายหมู่ มากถึง 413 คน ทั้งยังเป็นการตายแบบตายโหง ผู้ตายล้วนเป็นชายฉกรรจ์ เข้าข่ายเป็นคนดุ หรือมีนิสัยเอาเรื่อง คุณจิตรา ก่อนันท-เกียรติ บอกว่า การตั้งศาลให้ จึงถือเป็นเรื่องที่สมควร.
O บาราย O