ผมยังมีของฝากจากอินโดนีเซียที่อยากจะนำมาเล่าสู่กันอ่านอีกสัก 2–3 เรื่อง ขออนุญาตเล่าต่อในวันนี้เลยนะครับ
สืบเนื่องมาจากที่ผมเขียนไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าอินโดนีเซียกำลังเนื้อหอมมากๆ ทั้งยั่วยวนใจและดึงดูดใจให้นักลงทุนทั่วโลกแห่กันไปลงทุน
มากที่สุดก็คือสิงคโปร์ ซึ่งไปลงทุนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยญี่ปุ่น, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร และมาเลเซีย ฯลฯ
นักลงทุนไทยเราเองก็ไปลงทุนที่โน่นเยอะครับ เฉพาะปีกลายเงินลงทุนจากประเทศไทยไหลไปลงอินโดฯราวๆ 3,120 ล้านบาท เป็นอันดับ 13 จากยอดเงินลงทุนของกว่า 30 ประเทศ
เผอิญว่าไปเที่ยวนี้ผมมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยียนและสัมภาษณ์พูดคุยกับนักลงทุนไทยเราหลายๆราย ตามโรงงานต่างๆ
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า มีโอกาสไปสำรวจดู “ธงไทย” ที่นักลงทุนของเรานำไปปักที่ดินแดนอิเหนามาหลายแห่งหลายที่ ขออนุญาตนำมาถ่ายทอดต่ออย่างย่อๆ เพื่อความภาคภูมิใจร่วมกันของพวกเราชาวไทย
ธงไทยธงแรกที่ผมแวะไปเยี่ยมชม ปักอยู่ที่โรงงานและโกดังเก็บรถยกหรือรถโฟร์กลิฟต์ของบริษัท DLS. Indonesia ครับ เป็นของบริษัท DLS. Group ที่มี คุณบุญช่วย กุลมงคล เป็นผู้ก่อตั้งในประเทศไทย
กิจการหลักก็คือจำหน่าย ให้เช่า และให้บริการซ่อม รวมทั้งจำหน่ายอะไหล่ของรถโฟร์กลิฟต์ยี่ห้อ HYSTER จากสหรัฐอเมริกา
หลังจากประสบความสำเร็จในประเทศไทยมาเป็นเวลาหลายปี คุณบุญช่วยก็ขยายการลงทุนไปต่างประเทศ 2 แห่ง คือที่สาธารณรัฐ ประชาชนจีน และอินโดนีเซีย
โดยส่งบุตรชายกับบุตรสาว พันธิน กุลมงคล และ พันทิพา กุลมงคล มาเป็นผู้บริหารสำหรับสาขาที่จาการ์ตา
2 บริหารหนุ่มสาวจากประเทศไทยกล่าวกับคณะของเราอย่างมั่นใจว่า แม้งานจำหน่ายและให้เช่าหรือการให้บริการซ่อมรถยกที่อินโดฯ จะยากกว่าในเมืองไทย แต่ก็เดินหน้าไปด้วยดี
...
ทั้ง 2 เชื่อว่าจะดียิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต เมื่อค่าแรงในอินโดนีเซียจะเริ่มสูงขึ้น จนเป็นเหตุให้แรงงานอุตสาหกรรมของเขาจะต้องหันมาใช้รถโฟร์กลิฟต์ขนของยกของแทนคนงานมากยิ่งขึ้น เพื่อประหยัดต้นทุน
ธงไทยธงที่ 2 ที่คณะของผมไปเยี่ยมเยียนปักอยู่ที่โรงงานของบริษัท “ซิกมา แอนด์ ฮาร์ต” ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนอกเมืองจาการ์ตา ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมงครึ่งจากโรงแรมที่พัก
โรงงานดั้งเดิมตั้งอยู่ที่ กม.23 ถนนบางนา-ตราด สมุทรปราการ เพื่อผลิตชิ้นส่วนขนาดเล็กสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ ตลอดจนเครื่องยนต์กลไกอื่นๆ
ภายใต้การดำเนินการของคุณ มรกต สิงหแพทย์ ในฐานะประธานบริษัท ซึ่งหลังจากประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่งในประเทศไทย ก็ขยายกิจการมาตั้งที่อินโดนีเซียอีกแห่งหนึ่ง
ด้วยความเชื่อมั่นว่า ธุรกิจมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ที่นี่จะเติบโต และตลาดของชิ้นส่วนเพื่อยานพาหนะทั้ง 2 ประเภท จะขยายตัวอย่างแน่นอน...ซึ่งก็เป็นไปตามที่บริษัทคาดไว้
วันที่คณะของเราไปเยี่ยมโรงงานคุณมรกต ได้พบกับเหตุการณ์ตื่นเต้นที่ผมคิดว่าต่อไปเรื่องนี้แหละจะเป็นปัญหาใหญ่ของอินโดนีเซีย
นั่นก็คือการประท้วงของแรงงาน ซึ่งในวันที่ผมไปเยี่ยมนั้น คนงานของทุกโรงงานมาตั้งขบวนประท้วงปิดทางเข้าออกและถนนเกือบทุกสายในนิคมฯเอาไว้ ทำให้คณะของเราต้องใช้เวลานานมากกว่าจะฝ่าเข้าไปได้
เพื่อเป็นการแสดงพลังให้รัฐบาลอินโดนีเซียยอมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้พวกเขาอีก 20 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปลายปี
อย่างไรก็ตาม สำหรับโรงงานของคุณมรกตไม่เจอปัญหาในวันที่ผมไปเยี่ยม เพราะเธอเคยเจอมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน และสุภาพสตรีเหล็กจากประเทศไทยคนนี้ก็ “เอาอยู่” สู้กันถึงโรงถึงศาล และเธอเป็นฝ่ายชนะคดี สร้างความครั่นคร้ามให้กับสหภาพแรงงานอินโดฯมาแล้ว
ประเด็นเรื่องค่าแรงและการชุมนุมเรียกร้องของคนงานนี่แหละครับที่ผมคิดว่าจะเป็นปัญหาสำหรับอินโดนีเซียต่อไปในอนาคต
พรุ่งนี้ผมขอต่ออีกวันนะครับ เพราะยังมีธงไทยผืนใหญ่อีก 2 ผืน ที่ไปโบกสะบัดอยู่ที่โน่นที่ผมมีโอกาสไปสัมภาษณ์พูดคุยมาด้วย
ธนาคารกรุงเทพ หรือแบงก์บัวหลวงที่ปักหลักปักฐานโบกธงไทยมาถึง 46 ปีแล้วกับห้างเซ็นทรัลของตระกูลจิราธิวัฒน์ครับ เซ็นทรัลใหม่สาขาจากการ์ตาเพิ่งเปิด เมื่อ 28 พ.ย.ที่ผ่านมานี่เอง.
“ซูม”