นายกฯนำครม. แถลงนโยบาย รบ. ลุยเก็บภาษีก้าวหน้า มรดก-ที่ดิน บ่น รบ.เก่าทำหนี้สูง 7 แสนล้าน ฮึ่มสั่งสอบไมแพงเกินจริงจ่อตั้งองค์กรปฏิรูปกฎหมายสัญญาเดินหน้าปฏิรูปให้ สำเร็จ สั่งห้ามติดรูปบนถนน ตั้งสโลแกนใหม่ “จริงใจ จริงจัง และยั่งยืน”
วันที่12 ก.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาวาระเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยก่อนเข้าสู่วาระ นายพรเพชร แจ้งให้สมาชิก สนช. ทราบว่า การอภิปรายใดๆ อย่าพาดพิงบุคคลภายนอก เพราะอาจจะถูกฟ้องทางแพ่งและทางอาญาได้
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี เข้าเสนอนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุม สนช. โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตามที่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 ส.ค. และแต่งตั้งรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 ส.ค. บัดนี้คณะรัฐมนตรีพร้อมแถลงนโยบายก่อนเข้าบริหารราชการแผ่นดิน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 รัฐบาลชุดนี้แม้ใช้อำนาจทำหน้าที่ตามกฎหมายเช่นรัฐบาลก่อนๆ แต่แตกต่างด้านเงื่อนไขและเวลา เพราะต้องสืบทอดสานต่อภารกิจจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาประเทศไว้ก่อนแล้ว 3 ระยะ ตั้งแต่เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557
...
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลตระหนักว่า แม้ความเร่งด่วนและรุนแรงของปัญหาที่รอแก้ไขเยียวยามีมาก เมื่อเทียบกับกรอบเวลาทำงานอันสั้น ประชาคมโลก กำลังเฝ้าการเปลี่ยนแปลงของไทย ด้วยความห่วงใย รัฐบาลจะไม่ถือว่า เป็นจุดอ่อนหรือข้อจำกัด แต่เป็นความท้าทายให้ต้องเร่งคิดเร่งทำ จนเกิดผลสัมฤทธิ์ ทั้งนี้รัฐบาลไม่ได้จัดตั้งขึ้นจากพรรคการเมือง จึงไม่มีนโยบายที่ใช้หาเสียง หวังคะแนนประชานิยม เป็นฐานทางการเมือง และไม่ต้องวิตกว่า จะมีการนำพาประเทศเข้าไปผูกพัน จนเสียวินัยการคลัง หรือ เกิดภาระในอนาคต และการที่นโยบายเป็นเอกภาพ จึงไม่ต้องวิตกว่า การทำงานแต่ละกระทรวง จะไม่บูรณาการสอดคล้อง หรือ พายเรือคนละที สำหรับการแก้ไขปัญหาประเทศ ต้องวางรากฐานให้รัฐบาลข้างหน้าเข้ารับช่วงได้ยั่งยืน โดยจะวางยุทธศาสตร์พัฒนาที่ยั่งยืน ต้องการให้ประชาชนเห็นภาพประเทศจะก้าวไป ทางไหน เช่น ควรทราบว่า ถ้าจัดทำผังเมืองใหม่ จะมีผังเมือง ลักษณะอย่างไร ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลมีนโยบาย จำแนกเป็น 11 ด้าน ดังนี้ 1.การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นหน้าที่สำคัญที่จะเชิดชูสถาบันด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษา พระบรมเดชานุภาพ โดยใช้มาตรการทางกฎหมาย มาตรการสังคมจิตวิทยา และมาตรการทางระบบสื่อสาร และเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินกับผู้คะนองปาก ย่ามใจหรือประสงค์ร้าย มุ่งสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกและความผูกพันภักดีของคนจำนวนมาก
2.การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ แบ่งเป็น 1.ระยะเร่งด่วน รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมการเมืองและความมั่นคง อาเซียน 2.เร่งแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้ 3.พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพ และระบบป้องกันประเทศให้ทันสมัย รักษาอธิปไตย ผลประโยชน์ของชาติ ปลอดพ้นการคุมคามทุกรูปแบบ และ4.เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนานาประเทศบนหลักการนโยบายการต่าง ประเทศเป็นส่วนประกอบสำคัญของนโยบายองค์รวมทั้งหมดในการบริหารราชการแผ่นดิน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า 3.การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ มีนโยบาย ระยะเฉพาะหน้าเร่งสร้างโอกาส อาชีพและการมีรายได้ที่มั่นคงต่อผู้ที่เข้าสู่ตลอดแรงงาน ขณะที่การป้องกันและแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ ผู้หลบหนีเข้าเมือง การทารุณกรรมต่อแรงงานข้ามชาติ และปัญหาคนขอทาน โดยปรับปรุงกฎหมาย เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ นอกจากนี้ ระยะต่อไปจะพัฒนาระบบการคุ้มครองทางสังคม เตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และ สังคมที่หลากหลายจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน รวมทั้ง การจัดระเบียบสังคม และการแก้ปัญหาไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกร
4.การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา และศิลปวัฒนธรรม โดยจะนำการศึกษาศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ และความเป็นไทยมาใช้สร้างสังคมให้เข้มแข็งมีคุณภาพและคุณธรรม ทั้งนี้พลทหารที่เข้ามากองทัพสนับสนุนให้มีการเรียน กศน. เพราะบางคนเข้ามาไม่มีความรู้ เมื่อจบออกไปจะได้ช่วยพ่อแม่ได้ ดังนั้นอยากให้กระทรวงศึกษาไปดูว่าจะทำอย่างไร เพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัย ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
“สิ่งสำคัญคือการอ่านหนังสือ เพื่อเป็นการเพิ่มความรู้ เพิ่มวิสัยทัศน์ จัดระเบียบตัวเอง ทีวีก็ไม่ดู ดูแต่ละคร แล้วจะเกิดอะไรขึ้นมาได้ วันหน้าก็อยากเป็นนางเอก อยากเป็นคุณชาย แล้วก็รักกัน ร่ำรวย ก็ได้แค่นี้ วันนี้เรากำลังจะสร้างหนังอยู่ โดยให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ สร้างหนังแบบ Lost in Bangkok พาคนมาเที่ยวประเทศไทย รักกัน ชอบกัน ในระหว่างการท่องเที่ยว ตอนนี้ได้พระเอก นางเอกแล้ว เหลือพ่อพระเอก ลุง ขอให้ไปสมัครไปกระทรวงพัฒนาฯ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า 5.การยกระดับคุณภาพ และบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน โดยจะวางรากฐาน พัฒนา และเสริมความเข้มแข็งให้แก่การบริการ ด้านสาธารณสุข และสุขภาพประชาชน โดยเน้นความทั่วถึง ความมีคุณภาพและประสิทธิภาพ
6.การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ระบบเศรษฐกิจของไทยที่ยังมีจุดอ่อนต้องแก้ไขปรับปรุงหลายเรื่องนั้น รัฐบาลจะดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน ที่ต้องดำเนินการทันที อาทิ สานต่อนโยบายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนำหลักการสำคัญของการจัดทำงบประมาณรายประจำปีงบประมาณ2558 ที่ให้บูรณาการงบประมาณ และระยะต่อไป ต้องแก้ไขปัญหาพื้นฐานที่ค้างคาอยู่ โดยประสานนโยบายการเงินและการคลังให้สอดคล้องกัน เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจพร้อมรักษาเสถียรภาพของราคาอย่างเหมาะสม อาทิ การปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ การปรับปรุงวิธีการจัดเก็บภาษีให้จัดเก็บได้ครบถ้วน โดยปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้คงอัตราภาษีเงินได้ในระดับปัจจุบัน ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล แต่ปรับปรุงโครงสร้างภาษี ให้คงอัตราด้านการค้าและขยายฐานการจัดเก็บภาษี ประเภทใหม่ ซึ่งจะเก็บจากทรัพย์สิน เช่น ภาษีมรดก ภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง และระยะยาว ต้องวางรากฐานเพื่อความเจริญเติบโตต่อเนื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การบริหารหนี้ภาครัฐที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา มีจำนวนเงินสูงมากกว่า 7 แสนล้านบาท เป็นภาระงบประมาณใน 5 ปีข้างหน้า จะทำให้เหลืองบประมาณเพื่อการลงทุนพัฒนาประเทศน้อยลง โดยประมวลหนี้เหล่านี้ให้ครบถ้วน หาแหล่งเงินระยะยาว มาสะสางหนี้ทั้งหมด และยืดระยะเวลาชำระคืนให้นานที่สุด เพื่อลดภาระงบประมาณในอนาคต
7.การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน โดยเร่งส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนในภูมิภาคอาเซียน และขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทยทุกระดับ พัฒนาแรงงานภาคอุตสาหกรรม และเร่งพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการขนส่งระบบโลจิสติกส์ต่อเชื่อมเส้นคมนาคม ขนส่ง และระบบโลจิสติกส์พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเริ่มจากการพัฒนาด่านการค้าชายแดน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า 8.การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม รัฐบาลให้ความสำคัญการวิจัย พัฒนาต่อยอดและสร้างนวัตกรรม นำไปสู่การผลิตบริการที่ทันสมัย อาทิ สนับสนุนเพิ่มค่าใช้จ่ายการวิจัย เร่งเสริมสร้างสังคมนวัตกรรม ส่งเสริมระบบการเรียนการสอนที่เชื่อมโยงระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์และคณิตศาสตร์ ส่งเสริมให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่ประเทศใช้ประโยชน์ผลการศึกษาวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม
9.การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน รัฐบาลมีนโยบายรักษาความมั่นคงฐานทรัพยากรธรรมชาติ โดยสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
10.การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปราม การทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ ซึ่งระบบราชการใหญ่โต สามารถให้คุณให้โทษให้ความสะดวกหรือเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินและการดำรง ชีวิตได้ ซึ่งกรณีที่ขณะนี้มีปัญหาเรื่องราคาไมค์โครโฟนราคาแพง ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้วและให้ไปหามา อะไรที่ไม่ใช่เรื่อง ก็อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า 11.การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ระยะเฉพาะหน้าเร่งปรับปรุงประมวลกฎหมายหลักและกฎหมายอื่นๆ ที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม ไม่สอดคล้องกับความตกลงระหว่างประเทศ เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน การเพิ่มศักยภาพหน่วยงานที่มีหน้าที่ให้ความเห็นทางกฎหมายและจัดทำกฎหมายให้ ปฏิบัติงานได้รวดเร็ว ระยะต่อไปจะจัดตั้งองค์กรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปราศจากการแทรกแซงของรัฐ นำเทคโนโลยี ที่ทันสมัยและความรู้ทางนิติวิทยาศาสตร์ มาใช้เพื่อเร่งรัดดำเนิน คดีทุกขั้นตอนให้รวดเร็ว เป็นธรรม และมีระบบฐานข้อมูลเชื่อมโยงกัน รวมทั้งปรับปรุงระบบช่วยเหลือทางกฎหมาย และค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้เข้าถึงความเป็นธรรมได้ง่าย ส่งเสริมกองทุนยุติธรรม เพื่อคุ้มครองช่วยเหลือคนจนและผู้ด้อยโอกาส และนำมาตรการทางการเงิน ภาษี การป้องกันการฟอกเงินมาใช้ในการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลและเจ้า หน้าที่ของรัฐที่ทุจริตและประพฤติมิชอบ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า นโยบายที่แถลงเป็นกรอบใหญ่ หรือ แนวทางการทำงานของรัฐบาล โดยมีเป้าหมายหรือหลักชัยอยู่ที่การสร้างสังคมที่มีการปฏิรูป มีความเป็นธรรม และไม่ทุจริต รัฐบาลตระหนักว่านโยบายจะเป็นผลสัมฤทธิ์ต่อเมื่อมีการจัดทำแผนปฏิบัติราชการ รองรับอย่างเป็นรูปธรรม โดยกำหนดให้หน่วยงานต้องปฏิบัติ ระยะเวลา วิธีการ และงบประมาณที่ชัดเจน โดยหัดจำกรอบเวลา 1 ปี ตามปีงบประมาณ และระยะเวลาของรัฐบาล นอกจากรัฐบาล มีภาระหน้าที่บริราชการแผ่นดินแล้ว ยังต้องทำการปฏิรูปด้านต่างๆ ถือเป็นงานในอนาคต ขณะเดียวกันต้องสร้างบรรยากาศสภาพแวดล้อมที่เหมาะต่อการส่งเสริมความสามัคคี และความสมานฉันท์ ที่ในอดีตขาดหายไป ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้โดยง่าย เพราะยังมีปัญหาและอุปสรรคอีกมาก การเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของคนที่แตกต่างอย่างรุนแรง จนต่อสู้กันให้เข้ามา ใกล้เคียงกันเป็นเรื่องใหญ่ แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่าปฏิรูป รัฐบาลสัญญาว่า จะใช่ความวิริยะอุตสาหะ ความอดทนอดกลั้นเพื่อฟันฝ่าปัญหาแลอุปสรรคให้ได้
“นโยบายทั้งหมด พูดให้ดี เขียนให้หรู ไม่ได้ทำ ก็ไม่เกิดประโยชน์ แล้วจะเหนื่อยทำไม เพราะฉะนั้น ทุกกระทรวง จะต้องยึดถือแล้วนำไปปฏิบัติ และทำริเริ่มเพิ่มเติมไปด้วย สิ่งไหนทำได้ ก็ทำทันที แล้วให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 1 ปี อันไหนที่ยั่งยืน ก็ทำต่อเพื่อรัฐบาลหน้า เพราะบางอย่างใช้เวลาเป็นชาติ ดังนั้น รัฐบาล เอกชน ประชาชนต้องร่วมกันขับเคลื่อน รวมทั้ง คสช.และทหารจะร่วมผลักดันด้วยเพื่อให้เกิดความยั่งยืน และการใช้จ่ายงบประมาณ สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน โดยเฉพาะการเบิกจ่ายงบประมาณ ต้องตรงกับสิ่งที่ต้องการขับเคลื่อน อันไหนที่เร่งด่วนก็ให้เบิกงบมาก่อน ซึ่งทุกกระทรวงทราบแล้วคงไม่ไปทำอะไรให้เกิดความเสียหาย”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนแผนการปฏิบัติงานได้เตรียมไว้หมดแล้ว เพียงแต่ให้รัฐมนตรีเข้าไปร่วมตัดสินใจอีกครั้ง ซึ่งจะต้องนำเข้า ครม. ให้เรียบร้อยโดยเร็ว ทั้งนี้ ความต้องการของประชาชน ถือเป็นสิ่งสำคัญ อยากทำอะไรก็ทำไป แต่ไม่ใช่ประชานิยม ที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย และเวลาตามโรงเรียนและสถานที่ราชการ ให้ติดบัญญัติ 12ประการ โดยไม่ต้องมีรูปตน และห้ามติดรูปตนตามถนน รัฐบาลนี้ตั้งเป้าหมายไว้สูง เพราะประชาชนคาดหวัง ต่างชาติเฝ้าดู ซึ่งเป็นงานที่ยากและท้าทาย แต่ก็เป็นทั้งวิกฤตและโอกาส ก็ขอให้ประชาชนติดตามต่อไป อย่างมีเหตุผล
โดยในสัปดาห์หน้า ประมาณวันที่ 17 ก.ย. จะมีการซักซ้อมทำความเข้าใจกับส่วนราชการอีกครั้ง ดังนั้น ทั้งสปช.และสนช. เข้ามาควบคุมตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ไม่ปิดบัง ปิดกั้นให้ความเป็นธรรม ขอให้คุยกันดีๆ ไม่ใช่ไปตีกันตามสื่อ
“มีอย่างที่ไหนว่า ผมไปสั่งธนาคาร ไม่ให้เปิดเผยเงินฝากจำนวน 2.8 หมื่นล้านบาท ถ้าผมมีถึงขนาดนั้น ตนคงไม่มายืนอยู่อย่างนี้ คงเอาให้ชาวนาไปแล้ว หรือ เอาไปสร้างสิ่งที่เกิดประโยชน์ แต่ผมไม่รวยขนาดนั้น และวันนี้ขอให้ลดปัญหาความขัดแย้งให้เร็วที่สุด ต้องแก้ไขให้ได้ ประเทศชาติจะต้องเดินหน้าไปโดยไม่มีความขัดแย้ง กฎหมายต้องให้ความเป็นธรรม มีความเชื่อมั่น ผมไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อประเทศ นโยบายของรัฐบาลคือ ทำก่อน ทำจริง ทำทันที เกิดผลสัมฤทธิ์ และยั่งยืน ส่วนหลักการของรัฐบาลคือ “จริงใจ จริงจัง และยั่งยืน”
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณ พร้อมยกมือไหว้สมาชิก สนช.ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมทุกด้าน และกล่าวว่าพร้อมตอบคำถาม แต่คงไม่ได้อยู่ต่อ เพราะต้องเดินทางลงพื้นที่ โดยใช้เวลาเสนอนโยบายประมาณ 2 ชั่วโมง