การเมืองก็เหมือนลูกฟุตบอล ต้องเด้งซ้ายเด้งขวา เด้งหน้าเด้งหลัง ตลอดเวลา
เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ “ไทย-กัมพูชา” ซึ่งเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวรักเดี๋ยวชัง ไม่มีอะไรแน่นอน
แต่ล่าสุด นายกฯฮุน เซน ส่งสัญญาณ “ไอเลิฟยู” มาจากพนมเปญ
ขอเป็นหุ้นส่วนทางใจกับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้นำคนใหม่ของไทยแบบถึงไหนถึงกัน
“สมเด็จฮุน เซน” ประกาศว่า รัฐบาลกัมพูชาจะไม่ยอมให้คนไทยกลุ่มไหนใช้ประเทศกัมพูชาเป็นฐานเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล คสช.
แสดงว่า “นายกฯฮุน เซน” สลัดเพื่อนเก่า “ทักษิณ” ย้ายไปเป็นแฟนคลับ “พล.อ.ประยุทธ์” เต็มตัว
“แม่ลูกจันทร์” มองว่า การกลับลำ 180 องศาของนายกฯกัมพูชาเป็นโอกาสดีที่ “พล.อ.ประยุทธ์” จะเร่งแก้ปัญหาต่างๆที่ยังคาราคาซังให้สำเร็จโดยเร็ว
เช่น...การเจรจาทวิภาคีร่วมมือพัฒนา พื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ตามคำสั่งศาลโลกที่ค้างเติ่งมาเกือบ 1 ปี
หรือ การขึ้นทะเบียนแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยให้เป็นระบบ เพื่อความสะดวกในการดูแลบริหารจัดการ
แต่เรื่องสำคัญที่สุดที่ “แม่ลูกจันทร์” เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์รีบโยกเกียร์ห้าเดินหน้าเต็มตัว
คือการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย 26,400 ตร.กม. ซึ่งมีแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมหาศาล เพื่อนำขึ้นมาใช้ทดแทนแหล่งพลังงานที่ใช้ในปัจจุบัน
ซึ่งจะหมดเกลี้ยงอีกไม่เกิน 10 ปีจากนี้ไป!!
เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลัง-งานให้ประเทศไทยมีก๊าซธรรมชาติพอใช้ได้อีก 30 ปี หรือ 40 ปี
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า วันนี้คนไทยใช้พลังงานมากกว่า 5 เท่าของพลังงานที่ผลิตในประเทศไทย
...
ประเทศไทยจึงต้องนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจนกระเป๋าแหกอีก 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี
ปัญหาคือในอีกไม่เกิน 10 ปี แหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะหมดเกลี้ยงอ่าวไทย
ถึงวันนั้นประเทศไทยจะต้องนำเข้าพลังงานมาใช้ 100 เปอร์เซ็นต์
ถ้าไม่รีบพัฒนาแหล่งพลังงานพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล 26,400 ตร.กม. เพื่อเอาขึ้นมาใช้ทดแทน
ประเทศไทยจะต้องเผชิญวิกฤติพลังงานขาดแคลนที่จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อชีวิตประชาชน
และเศรษฐกิจไทยอย่างจั๋งหนับบุเรงนอง
“แม่ลูกจันทร์” ไม่อยากเชื่อว่าปัญหาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ได้เริ่มต้นเจรจาตั้งแต่ พ.ศ.2516 ยุค จอมพลประภาส จารุเสถียร กับ นายพลลอนนอล
แต่การเจรจาถูกเก็บใส่ตู้เย็นมา 28 ปี
จนกระทั่งยุครัฐบาลทักษิณ พ.ศ.2544 จึงมีการลงนามเอ็มโอยูเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการเจรจาเขตแดนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
แต่สุดท้ายก็ค้างเติ่งมาอีก 13 ปี
วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ทหารเป็นใหญ่ ไม่ใช่นักการเมือง
การเจรจาปัญหาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชายุค คสช.จะไม่มีข้อครหาโจมตีเหมือนรัฐบาลนักการเมือง
“แม่ลูกจันทร์” มั่นใจว่าการเจรจากับกัมพูชาจะตกลงกันได้อย่างสะดวกโยธิน
เพราะฝ่ายกัมพูชาเองก็ใจจะขาดอยากจะเอาแหล่งพลังงานขึ้นมาใช้ประโยชน์เร็วๆ
เมื่อความต้องการตรงกัน ความฝันก็กลายเป็นจริง
แบบนี้ก็หวานเจี๊ยบน่ะซีโยม.
"แม่ลูกจันทร์"