ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง "อมเรศ ศิลาอ่อน" อดีตประธานปรส. คดีขายสินทรัพย์สถาบันการเงิน 56 แห่ง ปี 41 เอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน ทำรัฐเสียหาย ส่วนคดีมีการเมืองเอี่ยวหรือไม่ โยน ถามนักการเมืองเอง
วันที่ 17 มิ.ย. ที่ห้องพิจารณา 805 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกรณีขายสินทรัพย์สถาบันการเงิน 56 แห่ง(ไฟแนนซ์เน่า) คดีหมายเลขดำ อ.3344/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอมเรศ ศิลาอ่อน อายุ 81 ปี อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.), นายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ อายุ 67 ปี อดีตเลขาธิการ ปรส. และยังเป็นกรรมการ รวมทั้งเลขานุการ ปรส.
ด้วยบริษัท เลแมน บาเดอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์ จำกัด โดยนาย ชาร์ล เจสัน รูบิน ผู้รับประโยชน์, บริษัท เลแมน บาเดอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด โดยนาย ชาร์ล เจสัน รูบิน ที่ปรึกษา ปรส., กองทุนรวมโกลบอลไทย พร็อพเพอร์ตี้ ผู้รับโอนสิทธิจากการประมูลสินทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมวรรณ จำกัด ผู้จัดตั้ง กองทุนรวมโกลบอลฯ เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11 โดยอัยการ ยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 8 ก.ย.51
สืบเนื่องจากกรณีระหว่างวันที่ 2 มิ.ย.-1 ต.ค. 2541 จำเลยที่ 1-2 มีมติให้มีการจำหน่ายสินทรัพย์หลักการเช่าซื้อที่อยู่อาศัย เมื่อวันที่ 13 ส.ค.41 ซึ่งได้ออกข้อกำหนดเพิ่มเติมอีกหลายประการ เอื้อประโยชน์ให้ บจก.เลแมน บาเดอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์ จำเลยที่ 3 ที่เข้าร่วมประมูล โดยเมื่อถึงวันทำสัญญากลับมีการวางแค่เงินประกัน 10 ล้านบาท และยังไม่ได้ชำระเงินงวดแรก จึงเป็นการไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย และยังทำให้เกิดการยกเว้นภาษีส่งผลให้รัฐเสียหาย
...
คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 ก.ย.55 ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1-2 มีความผิดตามฟ้อง จึงให้จำคุก นายอมเรศ ประธาน ปรส.และนายวิชรัตน์ เลขาธิการ ปรส. คนละ 2 ปี และปรับคนละ 20,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอการลงโทษไว้กำหนดคนละ 3 ปี เนื่องจากจำเลย เคยประกอบคุณงามความดีให้กับประเทศชาติ ส่วนจำเลยที่ 3-6 พิพากษาให้ยกฟ้อง
ต่อมาจำเลยที่ 1-2 ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีว่า ในการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้เป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้หนึ่งผู้ใด และเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่มีผู้ใดได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1-2 ฟังขึ้น จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายอมเรศ อดีตประธาน ปรส.ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับบุตรชายได้กล่าวด้วยสียิ้มแย้ม ยืนยันว่า การปฏิบัติหน้าที่ใน ปรส.ดังกล่าว ไม่ได้ทำให้เอกชนได้รับความเสียหาย เพราะสินทรัพย์ที่เอามาขายเป็นสินทรัพย์ ที่ไม่ได้มีราคาแล้ว ยืนยันการจัดประมูลขายครั้งนั้น ไม่การกำหนดเทคนิค หรือ เลี่ยงการจัดเก็บภาษี ที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนตามที่มีการกล่าวหา
ส่วนคดีนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือไม่นั้น นายอมเรศ กล่าวว่า ต้องไปถามนักการเมือง ส่วนตนเป็นผู้บริหารก็ทำหน้าที่ในฐานะผู้บริหารในการบริหารงาน และไม่มีใบสั่งการเมือง
“เป็นเรื่องที่น่ายินดี อย่างหนึ่งว่า ต่อไปคนจะทำอะไรเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ก็จะไม่เข้าปิ้งอย่างที่พวกเราทำไปแล้วประโยชน์ก็เพื่อส่วนรวม แต่คนที่เสียหายติดตามแก้แค้น เรื่องการเมืองหรือไม่ ต้องไปตามนักการเมือง ผมเป็นเพียงนักบริหาร” นายอมเรศ อดีต ประธาน ปรส. กล่าว
นายอมเรศ กล่าวต่อว่า ส่วนอัยการจะอุทธรณ์คดีหรือไม่นั้น คงต้องรอดูอีกครั้ง เพราะในชั้นอุทธรณ์ พนักงานอัยการ ก็ไม่ได้อุทธรณ์คดีแต่เป็นเรื่องที่จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้ คดีเองจึงไม่ทราบว่า จะมีปัญหาข้อกฎหมายหรือไม่ ในการยื่นฎีกาของอัยการ