การเดินหน้าเพื่อทำความเข้าใจกับนานาชาติหลังจาก คสช.เข้ามาควบคุมอำนาจการปกครองประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญเฉพาะหน้า โดยเฉพาะชาติตะวันตกแถมด้วยออสเตรเลียที่ไม่ยอมรับโดยหยิบยกความเป็น “ประชาธิปไตย” มาเป็นเหตุผล
สหรัฐฯ-ออสเตรเลียนอกจากคัดค้านแล้วยังแสดงปฏิกิริยาเป็นปรปักษ์อย่างตรงไปตรงมานั่นคือ ยกเลิกความร่วมมือทางการทหารทันที สหรัฐฯยกเลิกการให้เงินสนับสนุนทางการทหาร ออสเตรเลียปฏิเสธไม่ยอมให้ทหารไทยเดินเข้าประเทศ
แม้ทั้ง 2 ประเทศจะรับรู้ถึงข้อมูลและสถานการณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างดี เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ทูตฝ่ายพลเรือนและทหารประจำอยู่ในประเทศไทย
คสช.จึงได้รับแรงกดดันจากภายในและภายนอกผสมผสานกัน
แต่สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ก็คือ ปฏิกิริยาจากประเทศประชาคมอาเซียนที่แสดงความไม่พอใจสหรัฐฯที่ประกาศงดความช่วยเหลือด้านลิขสิทธิ์สิทธิบัตรต่อประเทศไทย ซึ่งก็รู้กันดีว่าการที่สหรัฐฯให้ความช่วยเหลือด้านการเงินก็เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเขา
ประกาศตอบโต้สหรัฐฯทันควัน เพราะเห็นว่าสหรัฐฯไม่ควรแทรกแซงกิจการของประเทศอื่นจนเป็นเหตุให้สหรัฐฯยกเลิกคำสั่งดังกล่าวพร้อมกับกล่าวคำขอโทษ
ปฏิกิริยาของอาเซียนครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นในความร่วมมือของชาวอาเซียนที่พร้อมจะร่วมกันปกป้องประเทศสมาชิก
เหนืออื่นใดนานาประเทศต่างก็รู้กันดีว่า 10 กว่าปีที่ผ่านมานั้น ประเทศไทยเกิดปัญหาการเมืองนำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างคนชาติเดียวกันอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เพราะการเมืองไทยถูกครอบงำจากระบอบทักษิณที่พยายามจะยึดครองประเทศทั้งระบบ
ไม่ว่าจะเป็นระบบการเมือง ระบบเศรษฐกิจ สังคมและข้าราชการด้วยการถือธงประชาธิปไตยว่าด้วยการเลือกตั้ง เมื่อได้เสียงข้างมากด้วยนโยบายประชานิยมเต็มรูปแบบเข้ามาบริหารประเทศก็ครอบงำการเมืองทั้งระบบ ระบบราชการทั้งระบบ
...
ที่สำคัญก็คือการทุจริตคอร์รัปชัน
หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกยึดอำนาจจาก คมช.ก็ใช้มวลชนที่นิยมชมชอบเคลื่อนไหวทางการเมืองลักษณะ 3 ประสาน คือ พรรคการเมือง นปช.คนเสื้อแดงและกองกำลังชุดดำจนกลับมาได้อำนาจการเมืองอีกครั้ง
จากนั้นก็ใช้ “นอมินี” เป็นผู้แทนประเทศแทนตัวเขาสุดท้ายก็ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวซึ่งเข้าสู่ถนนการเมืองเพียงเวลาแค่ 49 วันเท่านั้นก็ได้เป็นนายกฯ
แน่นอนว่ารัฐบาลเพื่อไทยภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์การบริหารจึงตกอยู่ภายใต้การบงการของ “ทักษิณ” ทุกอย่าง แม้จะมีช่วงระยะที่พยายามแสดงความเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็มิอาจปฏิเสธการสั่งการไปได้
“ประชานิยม” ว่าด้วยโครงการรับจำนำข้าวเกิดการทุจริตใหญ่โตมโหฬารที่สุด ทำให้ขาดทุนไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาท ระบบการค้าข้าวเสียหายยับเยิน
เรื่องนี้เป็นเหตุที่ทำให้เกิดกระแสต่อต้านในวงกว้าง
จนกระทั่งรัฐบาลเพื่อไทยตัดสินใจออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อหวังให้ พ.ต.ท.ทักษิณพ้นคดีและจะได้กลับเมืองไทยอย่างเท่ๆ
กปปส.ภายใต้การนำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ชุมนุมเคลื่อนไหวเพื่อให้นายกฯลาออกและจัดการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง ประชาชนออกมาชุมนุมหลายล้านคนแต่รัฐบาลก็ไม่ออก
“กองทัพ” จึงมีความจำเป็นที่จะต้องออกมาแก้ไขปัญหา
ความจริงเหล่านี้ ทุกประเทศย่อมรู้ดีว่าเป็นความจำเป็นเมื่อสหรัฐฯแสดงปฏิกิริยาเพราะต้องการยึดครองผลประโยชน์ในภูมิภาคนี้ แต่จีน-รัสเซียก็แสดง 2 พลังบวกช่วยเหลือไทยอย่างเต็มที่
ความจริงที่สำคัญนี้ คสช.จะต้องบอกให้นานาชาติรับรู้อย่างต่อเนื่อง.
“สายล่อฟ้า”