พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หน.คสช.

ปิดฉากไปแล้วสำหรับปัญหาความวุ่นวายบ้านเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง การแบ่งแยก แบ่งฝ่าย เมื่อ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ขี่ม้าขาว นำคณะผบ.เหล่าทัพ ประกอบด้วย "บิ๊กเข้" พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. "บิ๊กจิน" พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. "บิ๊กอู๋" พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และ"บิ๊กตี๋" พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส. (ตัวแทน) พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ออกมาทำการยึดอำนาจ "รัฐประหาร" ในนาม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แบบนิ่มนวล ไร้การสูญเสีย ท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องของเหล่าประชา...

ถือเป็นวิธีการที่แยบยล ของการสลายขั้ว ลดความขัดแย้ง หาทางออกประเทศ โดยที่ทุกฝ่ายไม่เสียเลือดเนื้อแม้แต่คนเดียว เพื่อนำความสงบสุขมาสู่ประเทศชาติ หยุดความบ้าคลั่งของนักการเมือง ที่ต่างทำเพียงเพื่อแสวงหาอำนาจ ผลประโยชน์ให้กับตัวเอง ถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ ในการสร้างความสามัคคีให้กับประชาชน ขจัดความแตกแยกให้กลับสู่ความเป็นปึกแผ่น

เพียงชั่วข้ามคืน ที่ทหารประกาศ "กฎอัยการศึก" โดย กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (กอ.รส.) แล้วนำไปสู่การตั้ง คสช. ก็ส่งผลให้อำนาจของรัฐบาลรักษาการจบลงทันที ด้วยปลายกระบอกปืนของทหาร จึงกลายเป็นเรื่อง "ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์" ดังไปทั่วโลก ทันที เพราะแม้แต่สำนักข่าวต่างประเทศเกือบทุกประเทศให้ความสนใจ เสนอข่าว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ลงมือหยุดอำนาจของเหล่านักการเมือง หยุดความวุ่นวายของชาติ ถือเป็นการปิดฉาก "ลิเกการเมือง" ไทยลงด้วยดีโดยไม่มีการสูญเสีย

...

ย้อนเหตุการณ์ห้วงนาทียึดอำนาจ...


เร่ิมจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้ทำการ "ยึดอำนาจ" ด้วยการประกาศกฎอัยการศึก เมื่อวันที่ 20 พ.ค.57 โดยส่งกำลังทหารลงพื้นที่ตั้งแต่เวลา 02.00 (ตีสอง) ของวันที่ 20 พ.ค.57 โดยได้จัดตั้ง กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (กอ.รส.) แล้วประกาศ "พ.ร.บ.กฎอัยการศึก" ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) ตั้งแต่ 03.00 (ตี 3) จากนั้นประกาศวัตถุประสงค์ ให้ หัวหน้าส่วนราชการเข้ารายงานตัวประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง รวมทั้งเชิญคู่ขัดแย้งทั้ง 7 ฝ่าย เข้าประชุมพร้อมกันที่สโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดี – รังสิต

แจกจ่ายการบ้าน ข้อคิด เพื่อหาทางออก...

โดย พล.อ.ประยุทธ์ ให้แต่ละฝ่ายเสนอทางออกจากปัญหาความขัดแย้งในประเทศ โดยบรรยากาศการประชุมทุกคนยังอยู่ในสภาวะที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ก็ยังตกลงร่วมกันไม่ได้ โดยมีการให้การบ้านสำคัญกลับไปให้ทุกฝ่ายกลับไปหารือ 5 ข้อ

1. ปฏิรูปก่อน หรือเลือกตั้งก่อน 2. ทำประชามติ ว่าจะเลือกข้อไหนก่อน
 3. การตั้งนายกฯ คนกลาง โดยยึดกรอบกฎหมายสามารถทำได้หรือไม่
 4. การตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล โดยวุฒิสภา 5. ให้ กปปส. กับ นปช. ยุติการชุมนุม

หลังจากนั้น เข้าสู่กระบวนการในวันที่ 2 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายให้ทุกฝ่ายนำการบ้านที่ให้กลับไปคิดมาหารือต่อ โดยตัวแทน ทั้ง 7 ฝ่าย ที่ต่างฝ่ายถือว่ามีธงมาก่อนแล้ว ได้เข้าห้องประชุม พร้อมกับถูกยึดโทรศัพท์ของตัวแทนทั้ง 7 ฝ่าย ภายหลังที่มีตัวแทนจาก 7 ฝ่าย ได้โพสต์รูปภาพถ่ายในที่ประชุมผ่านทางเฟซบุ๊กนำออกสู่สาธารณะ

ที่ประชุมเร่ิมตึงเครียด ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม...

ระหว่างการประชุม บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด เพราะต่างฝ่ายต่างยึดมั่นในจุดยืนของแต่ละฝ่าย ทำให้ไม่สามารถหาข้อยุติในที่ประชุมได้ โดยคณะ กอ.รส. ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผบ.ตร. และ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส. พร้อมนายทหารระดับ 5 เสือ ทบ.เขาประจำที่ 

ขณะที่ตัวแทนฝ่ายรัฐบาล ประกอบด้วย นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง

ตัวแทนพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รองหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ 

ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ นายศิริโชค โสภา นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์

ตัวแทน กปปส. ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข

ตัวแทน นปช. ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง 

ขณะที่ฝ่าย กกต. มีนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ เข้าหารือเพิ่ม โดยการหารือ กอ.รส.ยังไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน เข้าพื้นที่ภายในอาคารสโมสรทหารบก ซึ่งใช้เป็นสถานที่หารือ โดยให้สังเกตการณ์อยู่บริเวณภายนอกอาคาร

ผบ.ทบ.ทุบโต๊ะ ขอรับผิดชอบทุกประการ หากใช้อำนาจ...

ก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวก่อนการประชุมตอนหนึ่งว่า สิ่งหนึ่งที่ตนเป็นห่วง คือเราไม่สามารถปล่อยให้มีปัญหากันต่อไป หรือมีความขัดแย้งต่อไปโดยที่ไม่มีทางออกได้ ซึ่งต้องเริ่มที่ตัวของตนเองก่อน คือพร้อมทำทุกอย่างให้เกิดความสันติสุขโดยเร็ว ทุกท่านให้เกียรติกองทัพ และการประกาศกฎอัยการศึกนั้น คิดว่าหลายท่านมีข้อขัดแย้ง แต่เรียนว่าจะทำอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะให้เกิดความสงบสุข และไม่ต้องมากังวลแทนตนเพราะไม่ว่าจะผิดหรือถูกอย่างไร ผมรับผิดชอบทุกประการ เพราะผมเป็นคนที่เกิดในแผ่นดินนี้ เป็นหนี้แผ่นดินนี้ ก็จำเป็นจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมตรงนี้ และพยายามใช้อำนาจความมั่นคงเป็นหลัก แต่มีความเกี่ยวพันกันในหลายมิติ หากก้าวล่วงอะไรไปบ้างหรือใช้อำนาจอะไรไปบ้างต้องขออภัย อย่างไรก็ตาม ผมให้เกียรติทุกท่านเสมอ

การประชุมผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง พล.อ.ประยุทธ์ ได้หันมาหารือกับ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. กับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ.บ่อยครั้ง และได้สั่งให้หยุดพักการประชุมทันที เนื่องจากการพูดคุยกันในที่ประชุมมีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากแต่ละฝ่ายไม่ยอมรับความคิดเห็นของแต่ละฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายต้องการข้อเสนอของตัวเองเป็นหลัก 

กลับ ร.1 รอ. หารือ เหล่าทัพ ก่อนสั่งทหารจับตัว …

ไม่นานนัก พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางออกจากสโมสรทหารบก ด้วยรถประจำตำแหน่ง ไปยังกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) จากนั้น พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และพล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส. ตามขบวนกันออกไป

กระทั่งเวลา 16.40 น. ทหารจาก พล.ม.2 รอ. ร.1 รอ.นำรถจีเอ็มซี จำนวน 3 คันมาปิดที่บริเวณถนนเข้าออกสโมสรทหารบก และอีก 2 คันปิดที่ทางแยกไปยังอาคารกำลังเอก ที่ใช้ทำงานของสื่อมวลชน จากนั้นก็มีทหารพร้อมอาวุธครบมือมายืนกันผู้สื่อข่าว และช่างภาพ ให้ออกห่างจากจุดดังกล่าว และให้ไปรวมตัวอยู่ที่อาคารกำลังเอก ให้รอฟังแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.  
ต่อมาได้เสริมกำลังทหารจาก พล.ม.2 รอ. และร.1 รอ. พร้อมรถบรรทุก เข้าปิดบริเวณทางเข้า-ออกสโมสรทหารบก โดยใช้รถบรรทุกจำนวน 4 คัน และรถฮัมวี่อีก 4 คัน โดยมีกำลังทหารนอกเครื่องแบบของ ร.21 รอ. ได้นำรถตู้จำนวน 5 คัน ขึ้นมาบริเวณด้านหน้าสโมสรทหารบก และเข้าล็อกตัวแกนนำแต่ละคนขึ้นรถ โดยมีทหารถือปืน นั่งประกบ จากนั้นได้นำตัวแกนนำทั้งหมดที่มาหารือในวันนี้ไปควบคุมตัวภายในบ้านพักรับรอง ร.1 รอ. โดยรถตู้ทหารทุกคันได้ปิดแผ่นป้ายทะเบียน โดยรถตู้คันแรก มีแกนนำ นปช. นั่งอยู่ภายในและสังเกตเห็นได้ว่ามีการนำผ้าสีดำมาปิดตา พร้อมมีทหารนั่งควบคุมตัวภายในรถด้วย คันถัดไปเป็นรถที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. แต่ไม่มีนำผ้าสีดำมาปิดตาแกนนำ กปปส. มีเพียงทหารพร้อมอาวุธครบมือนั่งควบคุมตัว

ทั้งนี้ ระหว่างที่ขบวนรถตู้นายสุเทพหยุดชะงักนั้น ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นว่านายสุเทพนั่งอยู่ภายในรถอย่างชัดเจน จึงกรูกันเข้าไปตะโกนสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้ทหารรีบใช้ตัวบังนายสุเทพเอาไว้ เพื่อไม่ให้ถ่ายภาพได้ โดยนายสุเทพโบกมือ ขณะเดียวกัน ทหารเข้ามาควบคุมพื้นที่ และใช้มาตรการควบคุมสูงสุด   

"ประยุทธ์" แถลงการณ์ "ยึดอำนาจ" ตั้ง คสช.

กระทั่งเวลา  17.07 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พร้อม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส. ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เรื่องการควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ

"ตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ กทม. เขตปริมณฑล และพื้นที่ต่างๆ ของประเทศในหลายพื้นที่เป็นผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บและเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง และเหตุการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัวจนอาจจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเขาสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรักความสามัคคีเช่นเดียวกับห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกพวกทุกฝ่าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย กองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป"

"ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความสงบ ดำเนินวิถีชีวิตและประกอบอาชีพต่อไปตามปกติ ให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ปฏิบัติหน้าที่ ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการดังที่เคยปฏิบัติ สำหรับข้าราชการ ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่างๆ ที่ได้มีอาวุธเพื่อใช้ในราชการของหน่วย ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังและอาวุธโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่เพียงผู้เดียวสำหรับคณะทูตานุทูต สถานกงสุล องค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งชาวต่างประเทศที่พำนักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะได้ให้ความคุ้มครอง และขอยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ยังเป็นไปตามปกติตามที่รัฐบาลชุดเดิมได้ดำเนินการไว้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะยึดมั่นในความจงรักภักดีและจะปกป้อง เทิดทูน ดำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวไทย และทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ประกาศ ณ วันที่ 22 พ.ค. 2557"

และทั้งหมดคือภาพรวมเหตุการณ์ของ การ "ล้มอำนาจ" รัฐบาลรักษาการของพรรคเพื่อไทย จากประกาศ "กฎอัยการศึก" ถึง "รัฐประหาร" เพียง 4 วัน ด้วยปลายกระบอกปืนของทหารกล้า นามว่า "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นั่นเอง...