สุเทพ ลั่น ไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร ย้ำ ไร้ต่อรอง เดินหน้าขจัดระบอบทักษิณให้ได้ ขอรอฟัง 30เม.ย.เป่านกหวีดสู้ยกสุดท้ายของจริง
วันที่ 28 เม.ย. เมื่อเวลา 24.00น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ขึ้นกล่าวบนเวทีปราศรัย สวนลุมพินี ว่า คืนนี้ ผมอาสาขึ้นเวทีเป็นคนหลังสุด เพราะให้บรรดาเพื่อนๆพี่น้องที่ร่วมกันต่อสู้กันมา ได้ทบทวนสิ่งที่เราได้ร่วมต่อสู้กันมา 6เดือนเต็ม ผมต้องเรียนพี่น้องตรงๆว่า ก็ไม่คิดว่า การต่อสู้ของเราจะใช้เวลายาวนานขนาดนี้ ตอนที่ชักชวนพี่น้องให้ร่วมต่อสู้ ผมยังบอกพี่น้อง เพื่อนๆว่า ใช้เวลาอย่างมากซักเดือนหนึ่ง ถ้ามวลมหาประชาชน ออกมาเป็นล้านๆคน ไม่มีใครทนทานประชาชนชนได้
ชีวิตผมบอกตัวเอง ตลอดเวลาตั้งแต่เรียนหนังสือจบมาตั้งใจมารับใช้ประชาชนลงไปเป็นกำนัน 4 ปี มาเป็นนักการเมือง 35-36ปี แล้วก็เป็นนักการเมืองมืออาชีพ แล้วคาดหวังว่า บ้านเมืองของเราจะเจริญขึ้นได้ ก็จากนักการเมืองที่มาเป็นตัวแทนประชาชน แล้วทำงานเพื่อประโยชน์ประเทศชาติ ตอนเข้ามาเป็นนักการเมืองใหม่ๆ ในยุคก่อน แม้จะอยู่ต่างพรรค ก็ยังเคารพนับถือกันได้ เพียงแต่แนวความคิดนโยบายอาจแตกต่างกันบ้าง แต่เข้าก็มาทำงานการเมืองแทนประชาชนเพื่อประโยชน์ประเทศ ร่วมกัน แต่เมื่ออยู่นานเข้า ก็เห็นว่า คนที่เป็นนักการเมืองอาชีพ น้อยลงๆ
จนในที่สุดเหลือเพียงนักเลือกตั้ง ซึ่งไม่สนใจว่าจะเข้าสู่อำนาจอย่างไร มีการซื้อเสียง ต่อมาก็ปรากฏชัดว่า การเมืองไม่ได้เป็นการเมืองในอุดมคติ ที่เราเคยเห็นซะแล้ว เริ่มมีนักการเมืองที่เลี้ยงสมุนบริวาร แล้วเห็นช่องทางเข้ามามีอำนาจการเมือง จนมาเห็นระบอบทักษิณ จึงเห็นชัดว่า การเมืองยังเปิดช่องเปิดทางให้คนเข้ามาเล่นการเมืองยึดอำนาจได้ ตอนทักษิณ เข้ามาเล่นการเมือง ชนะเลือกตั้งใหม่ๆ ผมก็ยังทำใจได้ เขาเป็นคนใหม่อยู่ผมเชื่อว่า คนที่เลือกทักษิณในตอนนั้น ก็คงเชื่อจริงๆว่า เขาสามารถคิดอะไรใหม่เพื่อพัฒนาบ้านเมืองได้ ช่วงนั้นยอมรับว่า ก็ยังพูดคุยกับทักษิณบ่อยครั้ง แม้ผมอยู่ในพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ก็ยอมรับได้ว่า เขาชนะเลือกตั้งก็ไปเป็นรัฐบาล เราแพ้ก็มาเป็นฝ่ายค้าน ไม่เคยตะขิดตะควงใจว่า เราแพ้เขา เราก็ไปร่วมงานกับเขาได้ ทำงานร่วมกันเพื่อชาติบ้านเมือง
...
แต่ปรากฎว่า พฤติกรรมหลังของทักษิณ ผมประจักษ์ชัดขึ้นว่า คนๆนี้ไม่ได้หวังดีกับประเทศ แต่ใช้สถานะการเมืองมาทำโอกาสให้ตัวเอง ตระกูลตัวเอง ให้ได้ประโยชน์เท่านั้น แล้วสุดทายทักษิณ ชินวัตร อาศัยรูปแบบการปกครองประชาธิปไตยเป็นช่องทางขึ้นมาสู่อำนาจ เมื่อมีอำนาจแล้วก็ใช้อำนาจไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น คิดว่า ตัวเองเหนือคนอื่นๆ นักการเมือง แย่งกันไปเป็นสมุนบริวารเขา เพราะเขาให้การสนับสนุนเลือกตั้ง เป็นตัวเลขที่มากเหลือเฟือ มีเงินทอนให้กับนักการเมืองทุกคน แล้วเขาก็ซื้อนักการเมืองเป็นรายคน แล้วก็ซื้อเป็นรายพรรคเลย เมื่อมีอำนาจการเมืองมั่นคง ก็ใช้อำนาจครอบงำ สื่อมวลชน วุฒิสภา ครอบงำฝ่ายธุรกิจ ในที่สุดกลายเป็นคนที่มีอำนาจ อิทธิพลมากที่สุด ในประเทศมากกว่านายกรัฐมนตรี คนไหนทั้งสิ่น
สิ่งเหล่านี้ ทำให้ผมฉุกใจคิดมาตลอด และเฝ้าดูทักษิณ สรุปได้ว่า คนพวกนี้ไม่มีความจริงใจให้คนในประเทศไทยของเรา ผมอยากเรียนกับพี่น้องว่า เมื่อคราวทักษิณ ถูกดำเนินคดี ถูกศาลพิพากษาจำคุก2 ปี เพราะใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง จนศาลพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท
นายสุเทพ กล่าวต่ออีกว่า ในตอนนั้นตั้งเวทีประชาชนฝ่าความจริง เพื่อบอกเล่าให้ประชาชนได้รับทราบ อย่างนั้นก็ยังอยู่ในวิสัยที่พอจะรับได้ แต่ประชาชนและตัวผมเอง ก็สงสัยอยู่แล้วว่า กม.ปรองดอง ที่คิดจะเสนอเข้าสภาฯคงไม่แค่ลบล้างความผิดให้ชาวบ้าน แต่เป้าหมายจริง คงมุ่งลบล้างความผิดให้ทักษิณมากกว่า แต่อีกใจคิดว่า เขาคงไม่กล้า เพราะตอนเลือกตั้งมีคนตั้งคำถามกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้ว จะออกกฎหมายล้างผิดให้พี่ชาย หรือไม่ ยิ่งลักษณ์ ยืนยัน ไม่ทำเด็ดขาด แต่พอคนที่เป็น กมธ.ไปพบทักษิณที่เมืองนอก กลับมาประกาศโดยไม่เกรงใจใครเลย ทักษิณสั่งว่า ไหนๆ ทำแล้วต้องทำให้ "สุดซอย"ร่าง กม.จึงกลายเป็นตัวกฎหมายที่ "ล้างความผิด" ให้ทั้งทักษิณที่โกงชาติโกงแผ่นดิน และสมุนบริวารที่ ฆ่่าและเผาบ้านเผาเมือง
ขณะที่มีการพิจารณา กม.นี้ในสภาฯ พวกผมสู้กันเต็มที่แล้ว ก็ถูกปิดปาก ตัดรอน ไม่ให้ได้ใช้โอกาสพูดจาอภิปรายคัดค้านอย่างเต็มที่ บีบบังคับ ข่มขืน ถูลู่ถูกังไป ปชช.จึงเริ่มส่งเสียงเรียก เมื่อไรสุเทพ จะเป่านกหวีด เสียที ไม่ได้ยินเสียง นกหวีดของ ปชช.เป่าแล้ว นั่นเป็นปี 2556 ปีที่แล้ว ผมบอกกับเพื่อนๆ น้องๆ ว่า สถานการณ์อาจจะต้องไปถึงจุดที่ผมจะต้องลาออกจาก ส.ส.ไปต่อสู้ร่วมกับประชาชน แต่มันเกิดเร็วกว่าที่ผมคาดการณ์ถึง 6เดือนเต็มๆ ที่พี่น้องประชาชนเรียกร้อง พวกผมจึงตัดสินใจออกมาตั้งเวที เมื่อ31 ตุลาคม 2556 ต้องเรียนพี่น้องว่า ไปตั้งเวทีแรกที่สถานีรถไฟสามเสน เพราะพื้นที่มันไม่ใหญ่มาก
ทั้งนี้ ผมซาบซึ้งใจพี่น้องประชาชนชาวไทย ร่วมบริจาคเงินให้กับพวกเราร่วมบริจาคเงินให้กับชาวนาเพื่อเอาไปต่อสู้คดี แต่รัฐบาลก็แย่ ไม่สนใจ ทั้งยังมีการบอกว่า ที่รัฐบาลกู้เงินไม่ได้เพราะกปปส.มาขัดขวาง ซึ่งมันไม่ใช่ แล้วก็คิดว่าแค่ยุบสภาคืนอำนาจประชาชนก็จบ แต่เขาเดาใจเราผิด เพราะเราพูดถึงการปฏิรูปประเทศ แล้วการเป็นรัฐบาลรักษาการมีอำนาจเหลือแค 25-30% ก็กู้เงินไม่ได้ ไม่มีใครให้กูเงินหรอก
พี่น้องครับ ตั้งแต่เราต่อสู้มาก็ยึดหลักการมากว่า ต้องสู้สันติ สงบ อหิงสา เรายึดมั่นแบบนั้นมา เราต้องการให้เป็นแบบอย่างการต่อสู้ทางการเมือง ในกาลข้างหน้า ทำให้คนเราบาดเจ็บ ล้มตายมาก นี่ถ้าพี่น้องไม่มีธรรมะในหัวใจ ถ้าพวกผมปลุกระดม ให้ออกมาสู้บ้าง ป่านนี้ ประเทศลุกเป็นไฟไปแล้ว คนของเราที่มีความสามารถลักษณะนี้ ทำได้เหมือนกันก็มีเยอะ ถ้าคิดมาปลุกระดม ประเทศก็ลุกเป็นไฟ จึงขอชื่นชมคนของเรา พี่น้องมวลมหาประชาชนจริงๆที่ต่อสู้ด้วยความอดทน สันติ อหิงสา เรามีสติ คุมสติได้ แม้พี่น้องเรา เสียชีวิต บาดเจ็บ นี่คือคุณสมบัติของเรา
นายสุเทพ ยืนยัน เราจะดูแลพี่น้องเราทุกคนไม่ทอดทิ้งใคร ผู้ที่เสียชีวิตเราก็ต้องดูแลลูกเขา บาดเจ็บ หรือทุพพลภาพ ผมเรียนได้เลยว่า ลูกวีรชนของเรา จะได้มีการศึกษาด้วยการตั้งกองทุนคนละ 2ล้าน จนมีเงินเพียงพอ ที่ยังเป็นห่วง กังวลอยู่คือผู้ที่บาดเจ็บ ผู้พิการ ซึ่งผมก็จะจัดการดูแลต่อไป 180 วัน ที่ร่วมต่อสู้กันมาพี่น้องลำบากเพียงใด มันไม่ได้สบายเลย แต่เราก็ผ่านมาหมดแล้ว แล้วเลือดเนื้อ พี่น้องที่สูญเสียไปครั้งนี้นั่น เป็นทุนมหาศาลจริง
ฉะนั้น เราได้ลงทุนมามากแล้ว มันต้องเดินหน้าต่อ จึงจะตุ้มค่ากับ 180 วัน ที่ผ่านมา ผมประเมินความรู้สึกพี่น้องตลอดเวลา บางครั้งมีคนว่า ผมแข็งกร้าวไม่ยอมให้มีการต่อรอง แต่ผมรู้ว่า การต่อสู้คราวนี้ ของมวลมหาประชาชน เพราะเราเห็นว่า ระบอบทักษิณ นี้มันทำร้ายประเทศ ทำร้ายเศรษฐกิจ เ เรายอมให้มันมีอยู่อีกไม่ได้ เราไม่ยอม และเมื่อเราเห็นร่วมกันแล้ว เราจึงประกาศร่วมกันว่า จะไม่กลัว ไม่เกรงใจระบอบทักษิณ อีกต่อไป ตรงนี้ต้องพูดให้ชัด ถ้ายังเกรงใจ กลัวอยู่ เราไม่สามารถช่วยประเทศ ช่วยลูกหลานเราได้ ดังนั้น เราทำคราวนี้จึงต้องเดินหน้าไปให้ได้ แล้วผมฟังเสียงประชาชนแล้ว ผมบอกเลย คนส่วนใหญ่ เห็นด้วย และใครอย่ามาต่อรองกับเรา ว่า ไปเลือกตั้งกันก่อนแล้วมาปฏิรูปฯทีหลัง เราไม่อยากถูกต้มอีกแล้ว ที่สำคัญถ้ายังมีการเลือกตั้ง ด้วยกฎ กติกานี้ พวกนี้ชนะแน่นอน แบเบอร์ แล้วเราจะต้องมานั่งสู้กับมันอีกทั้งชีวิต หรือ
ผมเคยประกาศว่า ตั้งใจให้การต่อสู้ครั้งนี้จบ ในเดือนเม.ย. ขณะนี้พี่น้องบางกลุ่ม ตัดสินใจไปทางเดียวกับเราแล้ว แต่บางกลุ่ม ยังเกรงใจอยู่ การนัดหมายนี้เป็นครั้งสุดท้ายจริง สู้คราวนี้ต้องจบให้ได้ วันที่ 30 เม.ย. ผมจะแถลงให้คนได้ยินทั้งประเทศ ที่ยังไม่รีบประกาศ วัน 2วันนี้ เพื่อให้แนวทางปฏิบัติ มันสมบูรณ์ แล้วก็เปิดโอกาสให้ผู้คนฝ่ายอื่นได้ตระหนักในสถานการณ์ร้ายแรงมากขึ้น ผมเรียนว่า เมื่อผมประกาศวันที่ 30 เม.ย.นี้ พี่น้องประชาชนไม่ว่าประกอบอาชีพอะไรอยู่ เขามีหน้าที่ต้องคิด ตัดสินใจแล้วว่า จะออกมาต่อสู้ร่วมกับเรา หรือนิ่งเฉย ยอบรับชะตากรรมจะได้ตัดสินใจ ในส่วนข้าราชการพลเรีอน ตั้งแต่ข้าราชการ สธ. ได้ประกาศร่วมกับมวลมหาประชาชน ต่อต้านคนโกง ทำให้พี่น้องข้าราชการส่วนอื่นได้คิดตาม แล้วเห็นด้วยกับเรา แล้วผมเชื่อ การสู้ยกสุดท้าย ข้าราชการการ จะมาร่วมต่อสู้ร่วมกับเรา ต้องขอชม ปลัดสธ.-ข้าราชการสธ. เขาเด็ดเดี่ยวมาก พี่น้องต้องจดจำว่า นี่คือตัวอย่างข้าราชการประเทศนี้ ขอชื่นชนข้าราชการ มาขึ้นเวทีกับเรา ทั้งกระทรวงพาณิชย์ เช่นเดี่ยวกับกระทรวงเกษตร การคลัง ต่างประเทศ ยุธิธรรม แม้แต่ข้าราชการอีกหลายกระทรวง ที่ออกมาร่วมกับเรา และรัฐวิสาหกิจด้วย
ในโอกาสที่ต่อสู้ ร่วมกันมา 180วัน มันเป็นการต่อสู้ที่น่าเคารพยกย่องจริงๆ คนทั่วประเทศกลายมาเป็นพี่ เป็นน้องกันหมด การต่อสู้180วันนี้ แม้ไม่ได้ ชี้ผลแพ้ชนะทันที แต่ก็ทำให้คนไทยทั่วประเทศ ตื่นขึ้นมากันหมด และรู้ว่าต่อไปประชาชน จะไม่ยอมอีกแล้วที่รัฐบาล จะมาทำอะไร โดยที่ประชาชนไม่ยอมไม่ได้อีกแล้ว และจะต่อไปในอนาคต นักเรียน นักศึกษา ได้มีอุดมการณ์เป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต ขอให้พี่น้องที่ร่วมสู้กันมา 180 วัน สิ่งที่ท่านลงทุน ลงแรงไม่สูญเปล่า แต่ที่สำคัญ เราต้องสู้ให้ชนะด้วย
ฉะนั้น เราต้องสู้ให้ถึงวันนั้น ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว ยืนยัน ผมไม่อ่อนข้อให้ใครเลย ใครก็ตามที่ทำให้การต่อสู้ของเราไขว่เขว่อีก เพราะผู้ร่วมอุดมการณ์ เราลงทุนมากเหลือเกิน ถ้าเราอ่อนข้อ ก็เหมือนเราทรยศ วีระชนเหล่านั้น ที่เสียสละ คนดีอย่างเราทำไม่ได้แน่ คนอื่นที่ไม่ได้เข้ามาร่วมต่อสู้เขาไม่เห็น แต่เราเห็น ฉะนั้น ไม่มีทางอื่น เขาเสียสละได้เราก็ทำได้เช่นกัน การต่อสู้คราวนี้ จะเป็นตำนานจารึกในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง เวลาที่เราต่อสู้คราวนี้ จนถึงวันเผด็จศึก ถ้าเทียบ 180 วัน ที่ผ่าน เหลือเพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง พี่น้องรอฟัง วันที่ 30 เม.ย. พรุ่งนี้เราไปปฏิบัติหน้าที่กันต่อในฐานะกองหน้า อย่าลืมส่งข่าวให้พี่น้องเราแนวหลังด้วยนะครับ