พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล รอง ผอ.กองวิเทศสัมพันธ์ ถูกกลุ่มการ์ด กปปส.แจ้งวัฒนะ ใช้ปืนยิงใส่และรุมทำร้ายอาการสาหัสระหว่างลงจากรถไปยกกรวยขวางทางกลับบ้าน.

รุมยำน่วมซอยแจ้งวัฒนะ7เทือกชวนบินไทยเผด็จศึกเช็กวงจรปิดล่าฆ่า‘ไม้หนึ่ง’

“เฉลิม” ไม่สนใจ “เทือก” ใช้เท้าเหยียบแถลงการณ์ ศอ.รส. เย้ยเป็นอาการบ้าระห่ำ ไร้พรรคพวก ขนาดพวกเดียวกันยังทะเลาะ ชักฉุนการ์ด กปปส.แจ้งวัฒนะอาละวาดยิงคนไม่เลือกหน้า ขู่อาจตัดสินใจแรงๆใช้ยุทธวิธีดาวล้อมเดือนบุกจับแกนนำม็อบ “กำนันเทือก” นำขบวนเข้าการบินไทยกล่อมร่วมม็อบวันเผด็จศึก ม็อบกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านสุดทน เตรียมรวมตัว 5 หมื่น ทวงคืนกระทรวงมหาดไทย ด้านกลุ่มเที่ยงตรงจัดกิจกรรมจำลองลงประชามติชูนายกฯเลือกตั้ง ส่วนคดีสังหาร “ไม้หนึ่ง” ยังไม่คืบได้แต่พยานแวดล้อม พนักงานสอบสวนยังไม่ทิ้งทุกประเด็น รอสอบปากคำ “อาจารย์หวาน” สาวคนสนิท ขณะที่ พ.อ.ถูกยิงเผยแค่ขับรถกลับบ้านลงไปหยิบกรวยขวางทางโดนรุมยิง หัวหน้าการ์ดยอมรับเข้าใจผิด รุดขอโทษถึงโรงพยาบาล ส่วนเอ็ม 79 ตกที่เดลินิวส์ ศอ.รส.บอกใบ้สาเหตุมาจากเสนอภาพ-ข่าว ทำให้ กปปส.เสียหาย

สถานการณ์การเมืองนานวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีการใช้อาวุธทั้งปืนและระเบิดก่อเหตุไม่เว้นแต่ละวัน ล่าสุดเหยื่อความรุนแรงเป็นถึงนายทหารยศพันเอก สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย โดนการ์ด กปปส.แจ้งวัฒนะ อ้างเข้าใจผิดรุมยิงและทำร้ายปางตาย

ตำรวจเร่งสางปมยิง “ไม้หนึ่ง”

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เวลา 13.00 น. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหาร-พิทักษ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธนวัตร วัฒนกุล ผกก.สน.โชคชัย พ.ต.อ.สง่า กรร-ภิรมย์ ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.อ.อรรถพร สุริยเลิศ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมชุดสืบสวนและพนักงานสอบสวนร่วมกันประชุมคลี่คลายคดี และติดตามคนร้ายก่อเหตุยิงนายกมล ดวงผาสุก หรือ “ไม้หนึ่ง ก.กุนที” แกนนำกลุ่มปฏิญญาหน้าศาลและกวีเสื้อแดงเสียชีวิต เหตุเกิดตอนกลางวันแสกๆที่บริเวณลานจอดรถร้านอาหารครกไม้ไทยลาว ซอยลาดปลาเค้า 24 เขตลาดพร้าว กทม. เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ก่อนเริ่มประชุม พล.ต.อ.เอก และ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม มอบเงินเยียวยาให้กับ น.ส.รุจิรา จารุพันธ์ อายุ 44 ปี ภรรยานายกมล หรือไม้หนึ่ง ก.กุนที จำนวน 100,000 บาท

...

คดีไม่คืบมีแต่พยานแวดล้อม

พล.ต.อ.เอกกล่าวภายหลังการประชุมนานเกือบ 2 ชม.ว่า ได้รับรายงานจากฝ่ายสืบสวนและฝ่ายสอบสวนคดีว่ามีการสอบปากคำพยานบุคคลในที่เกิดเหตุไปทั้งหมด 12 ปาก ผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่เข้ามาพบกับผู้ตาย ร่วมรับประทานอาหาร จนกระทั่งเกิดเหตุและพาผู้ตายไปส่งที่โรงพยาบาล ส่วนวัตถุพยานในที่เกิดเหตุทั้งปลอกกระสุนและหัวกระสุนที่พบ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์วิถีกระสุนและแผนประทุษกรรมคนร้ายจะสอบสวนในส่วนนี้ ฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อที่จะค้นหาภาพเบาะแสในการสืบสวนหาตัวคนร้าย ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบยืนยันวัตถุพยานและภาพจากกล้องทีวีวงจรปิด เพื่อพิจารณาว่าสอดคล้องกับคำให้การพยานอย่างไร และคงจะต้องเสาะแสวงหาพยานบุคคลเพิ่มเติมในที่เกิดเหตุที่อาจจะได้ยิงเสียงปืน หรือเห็นเหตุการณ์ก่อนหลังที่พนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบอยู่

ยังไม่ตัดสาเหตุทุกประเด็น

เมื่อถามว่า การที่ผู้ตายมีการเคลื่อนไหวในการยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรที่ออกมาต่อต้านการเคลื่อนไหวดังกล่าวด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.เอก ตอบว่าหลักการทำงานสืบสวนเราไปตรวจที่เกิดเหตุ ยังไม่สามารถสรุปยืนยันได้ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุหรือกลุ่มคนไหน หากสามารถพิสูจน์ทราบได้ว่าใครเป็นคนร้าย คงจะชัดเจนว่ามีสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใด เมื่อถามอีกว่ากรณีที่ผู้ตายไปร้านที่เกิดเหตุดังกล่าวเป็นประจำจะเรียกคนใกล้ชิดมาสอบเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.อ.เอกตอบว่า พยานทุกปากที่เกี่ยวข้องหรือเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนายกมล ไม่ว่าจะเป็นการรู้จักส่วนตัวหรือเคยร่วมงาน ยินดีที่จะสอบสวนทั้งหมด ส่วนการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับคนใกล้ชิดที่เดินทางไปด้วยกัน คงจะต้องพิจารณาว่ามีส่วนสนับสนุนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

ผบช.น.เผยวงจรปิดเห็นมือปืนชัด

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกชุดที่คลี่คลายคดีรีบดำเนินการและนำมาชี้แจงที่ประชุมครั้งต่อไป ส่วนกลุ่มคนร้ายก่อเหตุเป็นคนในเครื่องแบบหรือไม่ จากลักษณะการยิงเป็นคนที่มีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร ขอเวลาตรวจสอบสักระยะ แต่กล้องวงจรปิดเห็นภาพคนร้ายชัดเจน และเป็นประโยชน์กับการสืบสวนค่อนข้างมาก ต้องขอเวลาสักระยะ โดยการที่ต้องจำลองเหตุการณ์ก็มีประโยชน์ เพราะว่าจะสามารถบอกเส้นทาง ระยะเวลาได้ คนร้ายขับรถติดตามและเฝ้าจุดมาจากไหน ยืนยันจะสามารถคลี่คลายคดีดังกล่าวได้อย่างแน่นอน ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องการเมือง ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำ น.ส.สุดา รังกุพันธ์ หรืออาจารย์หวาน อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แกนนำกลุ่มปฏิญญาหน้าศาลผู้ใกล้ชิดกับผู้ตายแต่ยังไม่สะดวกให้เบาะแส รวมถึงโทรศัพท์มือถือของผู้ตายที่หายไปกำลังติดตามว่าอยู่กับใคร เพราะอาจมีข้อมูลสำคัญในการติดต่อบุคคลอื่นที่สามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์คลี่คลายคดีได้

พุ่งเป้าสอบ “อจ.หวาน” สาวคนสนิท

ที่ สน.โชคชัย พ.ต.อ.ธนวัตร วัฒนกุล ผกก.สน.โชคชัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนเเละฝ่ายสอบสวนเเบ่งหน้าที่กันทำอย่างเต็มที่ โดยฝ่ายสอบสวนได้สอบปากคำพยานเเวดล้อมเเละพยานใกล้ชิด มีทั้งญาติพี่น้องเเละภรรยาของนายกมลพบว่า นายกมลเเละภรรยายังไม่ได้หย่าร้างกัน ก่อนวันเกิดเหตุนายกมลไม่ได้กลับบ้านมา 2-3 วันเเล้ว ทั้งนี้ พยานใกล้ชิดอีก 3 คนที่ไปนั่งรับประทานอาหารด้วยวันเกิดเหตุ 2 คนได้สอบปากคำเรียบร้อยเเล้ว เหลือเเต่ น.ส.สุดา รังกุพันธ์ หรืออาจารย์หวาน ที่ยังปฏิเสธมาให้ปากคำ เนื่องจากยังทำใจไม่ได้และติดภารกิจงานศพ ถือว่าเป็นพยานปากสำคัญ เพราะนอกจากจะสนิทสนมกับนายกมลแล้ว ยังอยู่ในวันเกิดเหตุด้วย เชื่อว่าหากอาจารย์หวานมาให้ปากคำ น่าจะช่วยไขความกระจ่างให้กับคดีนี้ได้พอสมควร ด้าน พ.ต.ท.นเรนทร์ เครื่องสนุก สว.สส.สน.โชคชัย กล่าวว่า ฝ่ายสืบสวนจะเน้นลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเป็นหลัก ขณะนี้ไล่ดูกล้องบริเวณที่เกิดเหตุและละเเวกใกล้เคียงกว่า 40 ตัวแล้ว ยืนยันว่าได้เบาะเเสเพิ่มขึ้นเเต่ยังไม่ขอเผยรายละเอียด

เข้าเก็บหลักฐานศาลปกครอง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 25 เม.ย. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.พฐก. พ.ต.อ.กิตภัท เพ็งรุ่ง รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้ประสานกับนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง เพื่อเดินทางเข้าไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติมบริเวณศาลปกครองสูงสุด ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ หลังเกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิด M79 ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณสวนหย่อมประตูหน้าศาลปกครองสูงสุด พบหลุมลึก แรงระเบิดทำให้ต้นไม้ล้มระเนนระนาด เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานเพิ่มเติมใช้เวลากว่า 30 นาที พ.ต.อ.กำธรยืนยันว่าระเบิดที่ใช้ก่อเหตุเป็น M79 ระยะยิง 250 เมตรวิถีโค้งจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ คาดว่าน่าจะยิงมาจากบริเวณถนนหน้า กสท.โทรคมนาคม (CAT) มุ่งเป้ายิงใส่บริเวณที่มีการชุมนุม แต่ด้วยแรงลมทำให้ระเบิดเปลี่ยนทิศ

คาดเป้ายิงใส่ม็อบแจ้งวัฒนะ

พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า ผบ.ตร.ได้กำชับให้ตนเดินทางลงมาตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตนเองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกรงว่าจากเหตุระเบิดจะทำให้ประชาชนได้รับอันตราย จากนี้ไปจะต้องให้ บกน.2 หามาตรการป้องกันการก่อเหตุอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีเหตุระเบิดในลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ส่วนประเด็นที่จะทำให้คนร้ายมุ่งยิงระเบิดไปที่ศาลปกครองสูงสุดนั้น ไม่มี คาดว่าน่าจะเป็นการมุ่งประทุษร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมมากกว่า แต่ด้วยแรงลมทำให้ระเบิดมีการเปลี่ยนทิศ เบื้องต้นยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าจะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกับที่ก่อเหตุที่ นสพ.เดลินิวส์หรือไม่ ทั้งนี้ จะต้องดูสะเก็ดระเบิด วัตถุพยาน กล้องวงจรปิดเพื่อยืนยัน

รุดสอบที่เกิดเหตุบึมเดลินิวส์

ต่อมา พล.ต.อ.เอกพร้อมกำลังเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ซึ่งถูกคนร้ายยิง M79 ตกบริเวณใกล้อาคาร 9 ชั้น เมื่อคืนวันที่ 24 เม.ย. ผ่านมา โดย พล.ต.อ.เอกได้พูดคุยกับ ดร.ประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด บก.บห.บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ เพื่อหารือถึงมาตรการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บหลักฐานเพิ่มเติมในที่เกิดเหตุ พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า กรณีระเบิดไม่ควรเกิดขึ้นกับ นสพ.เดลินิวส์ เพราะถือเป็นการคุกคามสื่อ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะป้องกันระงับยับยั้งโดยการตั้งจุดตรวจความมั่นคงตามจุดต่างๆ และจะปรับปรุงเพิ่มกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมมากขึ้น เหตุในลักษณะนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ นสพ.เดลินิวส์

พ.ต.ต.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่จุดเกิดเหตุคาดว่าการยิงน่าจะยิงมาจากแนวราบ บริเวณด้านหน้า ลูกระเบิดตกลงในมุม 40 องศา ระยะการยิงประมาณ 150-200 เมตร ในวิถีโค้ง ซึ่งเป็นระยะที่ค่อนข้างแม่นยำ

“อดุลย์” สั่งคุมเข้มบ้านวีไอพี

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากกรณีคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่อาคารสำนักงาน น.ส.พ.เดลินิวส์ และที่ศาลปกครอง พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.น.2 และเจ้าหน้าที่ สพฐ.

ตร.รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุด EOD เร่งรัดติดตามสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปยังผู้กระทำผิดโดยเร่งด่วน และยังได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.เป็นผู้ควบคุมกำกับดูแล การปฏิบัติงาน นอกจากนี้ยังกำชับให้เฝ้าระวังดูแลรักษาความปลอดภัยต่อสถานที่พักอาศัยของบุคคลสำคัญ รวมถึงป้องกันเหตุแทรกซ้อนในพื้นที่ และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่การชุมนุมปฏิบัติต่อกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่าย โดยยึดหลักกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน

ตำรวจรุดสอบพันเอกถูกการ์ดยิง

อีกคดี เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 เม.ย. ร.ต.ท. ก้องปพัฒน์ ขันเงินธัญวัฒน์ พงส.สน.ทุ่งสองห้อง พร้อมด้วยนาวาโทณัฐพล วัฒนกุล น้องชาย พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล รอง ผอ.กองวิเทศสัมพันธ์ สำนักวิเทศสัมพันธ์กรมข่าวทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย (กวส.สวส.ขว.) ที่ถูกกลุ่มการ์ด กปปส.แจ้งวัฒนะ ใช้อาวุธปืนยิงใส่และรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเมื่อคืนวันที่ 24 เม.ย. เดินทางไปสอบคำ พ.อ.วิทวัส ที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.มงกุฏวัฒนะ โดย ร.ต.ท.ก้องปพัฒน์กล่าวว่า พ.อ.วิทวัสให้การว่าเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. ขับรถออกจากร้านอาหารย่านสุขุมวิทเดินทางกลับเเฟลตที่พักย่านเมืองทองธานี ระหว่างขับรถยนต์เข้าถนนแจ้งวัฒนะซอย 7 พบว่ามีกรวยตั้งกีดขวางทางอยู่ จึงเปิดประตูรถลงไปยกกรวยออก แต่มีเสียงผู้คนตะโกนเอะอะโวยวาย จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดจึงรีบวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ แต่กลับมีชายฉกรรจ์หลายคนนำตัวไปที่ลานจอดรถตึกเอของศูนย์ราชการ และรุมทำร้าย กระทั่งมีการค้นตัวและทราบว่า พ.อ.วิทวัสเป็นทหาร จึงรีบนำตัวส่ง รพ.มงกุฏวัฒนะ เบื้องต้นตำรวจสอบสวนถึงลักษณะรูปพรรณกลุ่มคนร้ายไว้แล้ว ด้าน พล.ต.นพ.เหรียญ–ทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฏวัฒนะ เปิดเผยว่า พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล ถูกส่งเข้ามารักษาที่ รพ.เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ถูกสะเก็ดลูกกระสุนปืนฝังที่ข้อเท้าทั้ง 2 ข้าง คาดว่าคนร้ายอาจยิงปืนลงพื้นทำให้เศษลูกกระสุนปืนแตกกระจาย และฝังในข้อ และบริเวณใบหน้ามีรอยฟกช้ำ

เผยเป็นน้องชาย ผกก.สน.โชคชัย

พ.ต.อ.ธนวัตร วัฒนกุล ผกก.สน.โชคชัย เผยว่า พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล ผู้บาดเจ็บเป็นน้องชายแท้ๆ ของตน และจะให้ย้ายไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ได้สอบถามอาการน้องชายจากมารดาทราบว่า เบื้องต้นอาการปลอดภัยแล้ว โดย พ.อ.วิทวัส น้องชายเล่าว่า ขณะเกิดเหตุได้ตะโกนบอกการ์ด กปปส.แล้วว่า ตนเป็นทหารอย่ายิง แต่ถูกยิงมาอย่างต่อเนื่องก่อนถูกรุมทำร้าย จนกระทั่งกลุ่มการ์ดเข้าค้นรถยนต์เจอบัตรแสดงตนเป็นทหารจึงหยุดทำร้าย และจากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า พ.อ.วิทวัสสามารถจดจำใบหน้าคนร้ายได้ หลังจากนี้ตนจะสอบถาม พ.อ.วิทวัสอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินการตามกฎหมาย

หัวหน้าการ์ดขอโทษอ้างเข้าใจผิด

วันเดียวกัน พล.ท.สีหนาท วงศาโรจน์ เจ้ากรมข่าวทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ได้เดินทางไปเยี่ยมอาการของ พ.อ.วิทวัส ที่โรงพยาบาลมงกุฏ–วัฒนะ โดยมีหัวหน้าการ์ด กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะเดินทางมาพูดคุย เพื่อขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบอกว่า เป็นความเข้าใจผิดของการ์ดที่รักษาความปลอดภัยในบริเวณนั้น เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นกลุ่มที่มักจะมาก่อกวน และก่อเหตุยิงกลุ่มผู้ชุมนุม อย่างไร ก็ตาม ทางหน่วยต้นสังกัดได้ให้สิทธิ พ.อ.วิทวัส ตัดสินใจว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่ทำร้ายร่างกายหรือไม่