เจออีกดอก-ต้องแก้ต่างใน15วัน ‘เหนาะ’ขู่บิดกม.บ้านเมืองพินาศ ปปช.สอบ3พยานก่อนสงกรานต์
ศาลรธน.มติเอกฉันท์รับคำร้องวินิจฉัย “ปู” พ้นเก้าอี้เซ่นเด้ง “ถวิล” ใช้ตำแหน่งแทรกแซงช่วยเครือญาติเข้าข่ายต้องห้ามม.268 ขีดเส้นให้ส่งคำชี้แจงแก้ต่างใน 15 วัน “ยิ่งลักษณ์” เครียดเรียกถกรมต.-ทีมทนายสู้ 2 คดีฉกรรจ์ “เพื่อไทย” ข้องใจรวบรัดพลิกก.ม.ตั้งแท่นจ่อเชือดนายกฯ “ป๋าเหนาะ” เตือนระวังน้ำผึ้งหยดเดียวคนถือก.ม.บิดเบือนบ้านเมืองพังพินาศทนาย “ปู” ตื๊อร้องสอบเพิ่มพยาน 4 ปากหักล้างปล่อยโกงข้าว “เรืองไกร” ขู่ตัดสินผิดนำไปสู่กลียุคป.ป.ช.เหยียบคันเร่งรีดสอบ 3 พยานเอกก่อนสงกรานต์รัฐบาลวาง 4 แนวทางกำหนดวันเลือกตั้งใหม่พท.ฉะกกต.เตะถ่วงดองเค็ม 5 เดือนปชป.สาปส่งเลิกเสียทีพฤติกรรมคุกคามกดดัน
...
กรณีนายไพบูลย์นิติตะวันส.ว.สรรหาและคณะยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมหลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แก่นายถวิลเปลี่ยนศรีล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องไว้พิจารณาโดยกำหนดให้นายกรัฐมนตรีส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน
ศาลรธน.ถกคำร้องฟัน “ปู” เด้ง “ถวิล”
เมื่อเวลา 09.30 น. เมื่อวันที่ 2 เม.ย. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีการประชุมเพื่อพิจารณากรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของนายไพบูลย์นิติตะวันส.ว.สรรหาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 (7) ประกอบมาตรา 268 หรือไม่จากกรณีการโยกย้ายตำแหน่งนายถวิลเปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
มติเอกฉันท์รับไว้วินิจฉัย
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายเชาวนะไตรมาศเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเปิดเผยว่าศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 (7) ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 268 หรือไม่จากกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แก่นายถวิลเปลี่ยนศรีอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ
ให้นายกฯยื่นแก้ต่างภายใน 15 วัน
นายเชาวนะกล่าวว่าทั้งนี้นายไพบูลย์นิติ– ตะวันส.ว.สรรหาและคณะรวม 28 คนเห็นว่าการที่นายกรัฐมนตรีโยกย้ายนายถวิลพ้นจากการเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาตินั้นไม่ใช่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่การบริหารราชการตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อสภาแต่เป็นการใช้ตำแหน่งการเป็นนายกรัฐมนตรีเข้าไปแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองเครือญาติพรรคเพื่อไทยที่นายกรัฐมนตรีสังกัดเข้าข่ายต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (2) และ (3) ไว้พิจารณาวินิจฉัยเนื่องจากเห็นว่ากรณีตามคำร้องเป็นการยื่นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ประกอบมาตรา 182 วรรคสามที่ให้ส.ว.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่มีสิทธิเข้าชื่อยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภาเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีที่มีการกระทำอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงจึงอยู่ในอำนาจที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้วินิจฉัยโดยให้นายกรัฐมนตรียื่นคำชี้แจ้งแก้ข้อกล่าวหากลับมาภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับสำเนาหนังสือ
“ปู” ถกเครียดทีมก.ม.สู้ 2 คดีเด็ด
ขณะที่เวลา 10.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเดินทางเข้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (สป.กห.) เมืองทอง– ธานีโดยยังคงใส่เฝือกอ่อนและนั่งวีลแชร์เข้ารับฟังรายงานสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองจากฝ่ายความมั่นคงจากนั้นได้เรียกนายกิตติรัตน์ณระนองรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังนายนิวัฒน์– ธำรงบุญทรงไพศาลรองนายกฯและรมว.พาณิชย์นายวราเทพรัตนากรรมต.ประจำสำนักนายกฯและรมช.เกษตรฯนายธงทองจันทรางศุปลัดสำนักนายกฯนายอำพนกิตติอำพนเลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพร้อมทีมทนายความนำโดยนายพิชิตชื่นบานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยนายนรวิชญ์หล้าแหล่งและนายบัญชาปรมีศณาภรณ์เตรียมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อต่อสู้คดีละเลยปล่อยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามหารทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อนุญาตให้สอบเพิ่มเติมพยานได้เพียง 3 ปากพร้อมหารือกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์จากกรณีการโยกย้ายนายถวิลเปลี่ยนศรีอดีตเลขาธิการสมช. โดยนายกฯได้สอบถามทีมทนายว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯทันทีเลยหรือไม่ซึ่งนายพิชิตบอกว่าไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เลยทันทีต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยถึงที่สุดก่อนและนายกฯสามารถส่งเอกสารชี้แจงได้โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปด้วยตัวเอง
พท.ข้องใจพลิกตำราจ่อเชือด “ปู”
นายอนุสรณ์เอี่ยมสะอาดรองโฆษกพรรคเพื่อไทยแถลงกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยสถานภาพของน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายกฯและรมว.กลาโหมว่าถ้าพิจารณาตามหลักกฎหมายที่ยุติธรรมเป็นการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการปกติครม.มีหน้าที่เพียงรับทราบที่แปลกประหลาดคือครม.ชุดนี้เป็นครม.รักษาการเพื่อส่งมอบหน้าที่ให้ครม.ชุดใหม่เท่านั้นจะต้องพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ไปไหนถ้าว่ากันตามทฤษฎีสมคบคิดอะไรก็เกิดขึ้นได้ตอนนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะเป็นนายกฯย้ายพล.ท.สุรพลเผื่อนอัยกาเลขาธิการสมช. ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯฝ่ายข้าราชการประจำใช้กฎหมายคนละฉบับกับน.ส.ยิ่งลักษณ์หรืออย่างไร
ขู่ป.ป.ช.ตัดสินผิดเปิดประตูกลียุค
นายเรืองไกรลีกิจวัฒนะที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่าตนได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากที่ห่วงการทำงานของป.ป.ช.อาจเข้าข่ายสองมาตรฐานได้รับธงจากใครหรือไม่ป.ป.ช.เตรียมจะชี้มูลความผิดกรณีรับจำนำข้าวหากไม่ยุติธรรมจะเกิดปัญหาอาจส่งผลให้บ้านเมืองเกิดกลียุคเชื่อว่าคำวินิจฉัยชี้มูลความผิดนายกฯจะออกมาเร็วๆนี้จะสอดรับกับการเปิดประชุมวุฒิสภาเพื่อถอดถอนนายกฯเมื่อป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายกฯก็ต้องระบุให้ชัดเจนว่าวินิจฉัยความผิดนายกฯในสถานะใดอย่ากำกวมเพราะนายกฯพ้นจากความเป็นนายกฯไปแล้วตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.56 ที่ยุบสภาแล้วจึงไม่มีหน้าที่ให้ปฏิบัติเหมือนสถานะนายกฯก่อนยุบสภาแต่ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 181 ถ้าหากยุติการปฏิบัติหน้าที่อาจถูกตีความว่าไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญได้
“เสนาะ” เตือนผู้ถือก.ม.อย่าบิดเบือน
ที่บ้านพักเมืองทองธานีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณรมว.มหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยพร้อมด้วยนายภูมิธรรมเวชยชัยเลขาธิการพรรคเพื่อไทยและนายพร้อมพงศ์นพฤทธิ์โฆษกพรรคเพื่อไทยนำกระเช้าดอกไม้เข้าอวยพรวันเกิดครบ 81 ปีของนายเสนาะเทียนทองที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยโดยนายเสนาะกล่าวว่าสิ่งที่จะทำให้เกิดความปรองดองในชาติคือทุกฝ่ายต้องหันมาคุยกันแบบพี่น้องอาสาหาทางออกให้บ้านเมืองสำคัญอยู่ที่คนกลางและสถาบันหลักของบ้านเมืององค์กรอิสระและศาลต้องเป็นกลางขอเตือนสติว่าคนถือกฎหมายอย่าบิดเบือนเหตุการณ์บ้านเมืองครั้งนี้ถือเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวหากผู้ใหญ่ไม่รักษาคุณธรรมประเทศจะแตกแยกกว่าเดิมการตั้งรัฐบาลคนกลางไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ถ้ากระบวนการยุติธรรมยังไม่เปลี่ยนแปลงจะทำให้ประเทศพินาศส่วนข้อเสนอให้คนตระกูลชินวัตรเว้นวรรคทางการเมือง 1 ปีเป็นสิทธิส่วนบุคคลแต่ส่วนตัวเห็นด้วยว่าควรถอยแต่ไม่ใช่หนีปัญหาเป็นการถอยเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง
ป.ป.ช. สอบ 3 พยานก่อนสงกรานต์
ที่สำนักงานป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำจ.นนทบุรีนายปานเทพกล้าณรงค์ราญประธานป.ป.ช. กล่าวถึงมติป.ป.ช.ให้ไต่สวนพยานคดีรับจำนำข้าวเพียง 3 รายจาก 11 รายตามที่นายกฯขอมาว่าป.ป.ช.ขอให้นายกฯประสานงานให้พยานทั้ง 3 รายได้แก่นายนิวัฒน์ธำรงบุญทรงไพศาลรองนายกฯและรมว.พาณิชย์นายกิตติรัตน์ณระนองรองนายกฯและรมว.คลังและนายยรรยงพวงราชรมช.พาณิชย์มาให้ถ้อยคำต่อป.ป.ช. ซึ่งพร้อมให้ความเป็นธรรมสามารถเพิ่มเติมหลักฐานเอกสารได้ตลอดโดยเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.จะติดต่อให้พยานทั้ง 3 รายมาให้ถ้อยคำก่อนจะหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ยืนยันว่าป.ป.ช.ไม่หนักใจว่ากันไปตามรูปคดี
โต้ครหาเป็นปรปักษ์รัฐบาล
นายวิชามหาคุณกรรมการป.ป.ช. กล่าวว่ายืนยันว่าคณะกรรมการป.ป.ช.ทุกคนได้ไต่สวนคดีรับจำนำข้าวด้วยความรอบคอบหลังจากนี้ต้องขอฟังพยานทั้ง 3 ปากซึ่งเป็นรัฐมนตรีในบังคับบัญชาของนายกฯจึงไม่น่ายากในการติดต่อให้มาชี้แจงแต่ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะลงมติชี้มูลความผิดเรื่องนี้ได้เมื่อใดเพราะอาจถูกมองว่าตั้งธงล่วงหน้าขณะนี้คณะทำงานกำลังตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่นายกฯนำมาประกอบการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอยู่เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ป.ป.ช.ถูกวิจารณ์ว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลนายวิชาตอบว่าไม่ได้คิดว่าใครเป็นปรปักษ์กับป.ป.ช. ไม่ใช่ว่าใครถูกกล่าวหาแล้วเป็นปรปักษ์กับป.ป.ช. มีหลายคดีที่ป.ป.ช.ให้ข้อกล่าวหาตกไปหรือไม่รับคำร้องไว้พิจารณาป.ป.ช.ไม่ได้คิดว่าเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลส่วนที่ระบุว่าคนที่พิจารณาต้องเป็นกลางไม่พูดไม่ทำอะไรคงไม่ใช่ระบบไต่สวนที่แท้จริงองค์กรผู้ไต่สวนต้องลงไปหาความจริงเองเหมือนหนังเรื่องเปาบุ้นจิ้นมีหรือที่เปาบุ้นจิ้นนั่งเฉยๆต้องลงไปหาข้อมูลจริงมีทีมทำงานลงพื้นที่เมื่อถามว่าหากพยานทั้ง 3 ปากพาดพิงบุคคลอื่นและขอให้สอบเป็นพยานเพิ่มเติมได้หรือไม่นายวิชาตอบว่าก็ต้องพิจารณากันก่อน
ทนายตื๊อขอสอบเพิ่มอีก 4 ปาก
วันเดียวกันนายบัญชาปรมีศณาภรณ์ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตรนายกรัฐมนตรีให้รับผิดชอบคดีรับจำนำข้าวกล่าวถึงกรณีป.ป.ช.อนุญาตให้นายกฯนำพยานมาชี้แจงคดีรับจำนำข้าวเพียง 3 ปากจาก 11 ปากว่าถือว่าน้อยเกินไปเพราะยังมีพยานสำคัญอีกหลายปาก ที่ป.ป.ช.ไม่อนุญาตให้มาชี้แจงตามที่ร้องขอไปจึงจะยื่นคำร้องขอให้ป.ป.ช.เรียกสอบพยานเพิ่มอีก 4 ปากได้แก่ 1. ร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุงรมว.แรงงานพยานปากสำคัญที่จะช่วยหักล้างข้อกล่าวหาเพราะมีเอกสารหลักฐานว่านายกฯสั่งการให้ดูแลการทุจริตอย่างไรบ้างแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ละเลยการปราบปรามทุจริตในโครงการนี้ 2.พล.ต.อ.วรพงษ์ซิวปรีชารองผบ.ตร. 3.พล.ต.ต.ธวัชบุญเฟื่องรองเลขาธิการนายกฯที่ได้รับมอบหมายให้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้าวในโกดังพบว่าอยู่ครบไม่ได้สูญหายเพื่อหักล้างข้อมูลน.ส.สุภาปิยะจิตติประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวที่ระบุว่าโครงการจำนำข้าวขาดทุนกว่า 2 แสนล้านบาทเมื่อข้าวในโกดังยังอยู่ครบก็ไม่สามารถนำมาใช้คำนวณได้ว่าโครงการขาดทุนถือว่าข้อมูลของอนุกรรมการฯคลาดเคลื่อน 4.นายพิชัยชุณหวชิรนายกสภาวิชาชีพบัญชีแห่งประเทศไทยจะนำมาหักล้างข้อมูลของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีเช่นกัน
ข้องใจไม่ตั้งองค์คณะสอบ “มาร์ค”