"องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ " วอนทุกฝ่ายฟังโรดแม็ป 7 องค์กร บี้ “ปู” ปรามลิ่วล้อคุกคามองค์กรอิสระ
วันที่ 15 มี.ค.57 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากการที่ 7 องค์กรตามรัฐธรรมนูญ จะนำเสนอจุดยืนโรดแม็ปดำเนินแก้ไขวิกฤติการเมืองวันที่ 17 มี.ค. อยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายฟังโรดแม็ปว่าจะนำเสนอเนื้อหาสาระเรื่องนี้อย่างไรเพราะการที่ 7 องค์กรรวมตัวกันและหารือช่วยหาทางออกให้ประเทศนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ถูกต้องเหมาะสม ทุกฝ่ายในสังคมควรช่วยกันหาทางออกให้ประเทศ
แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าโรดแม็ปจะมีเนื้อหาอย่างไร ปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคล พรรคการเมืองบางพรรคออกมาตั้งข้อสังเกตลักษณะไม่ยอมรับการหาทางออกให้ประเทศ จึงขอเรียกร้องให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายในสังคมควรรับฟังว่าโรดแม็ปดังกล่าวมีเนื้อหาอย่างไร และหากรับฟังแล้วจะยอมรับหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ที่จะวินิจฉัยข้อเสนอ ซึ่งหากแต่ละฝ่ายพร้อมรับฟังน่าจะเป็นผลดีมากกว่าการไม่รับฟัง
...
นายองอาจ กล่าวต่อว่าขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และมวลชนยอมรับการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่พิจารณาคดี โดยไม่ควรมีพฤติกรรมไม่ยอมรับหรือขัดขวางกระบวนการพิจารณาคดีเหมือนที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพราะแกนนำรัฐบาลและมวลชนมีความพยายามเบี่ยงเบนคำวินิจฉัยว่าวินิจฉัยมิชอบทั้งที่วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ และสร้างความเข้าใจผิดในสาระต่างกัน เช่น พ.ร.บ.ไทยเข้มแข็ง ทำได้ แต่ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาททำไม่ได้ และแสดงอาการไม่ยอมรับคำวินิจฉัยชัดเจน
โดยอ้างว่าเป็นความเห็นต่างทางกฎหมาย พฤติกรรมเหล่านี้บิดเบือนข้อมูลกล่าวหาผู้คัดค้านว่าขัดขวางความก้าวหน้าประเทศ ทั้งที่คัดค้านเพราะการดำเนินการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงวิตกกังวลว่าจะมีการดำเนินการปฏิเสธการตรวจสอบ ที่ขณะนี้เริ่มดำเนินการแล้ว รวมทั้งเตรียมทำลายการตรวจสอบของป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ และความพยายามกดดันข่มขู่ต่อองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ
จึงขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระงับการดำเนินการของกลุ่มต่างๆ เพื่อคุ้มครององค์กรอิสระให้ทำงานอย่างเที่ยงธรรม อย่างไรก็ตาม ขอให้ยอมรับการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระ โดยเฉพาะ ป.ป.ช.ที่จะชี้มูลคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งชี้มูลกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว. โดยมิชอบ และศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยกรณีการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.เป็นโมฆะหรือไม่.