ผบ.พล.1 รอ.แจง ไม่มีเหตุปะทะเดือดกับกองกำลังไม่ทราบฝ่าย เมื่อคืน มีแค่การ์ดยิงไล่ ผู้ต้องสงสัย วอนสื่อเสนอข่าวตามข้อเท็จจริง ยันทหารดูแลได้ สั่งปรับกำลังใหม่ ส่งคุมพื้นที่สำคัญ 117 จุด
พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ ผบ.พล.1รอ. ในฐานะ ผบ.กองกำลังทหาร กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา นั้น ไม่ได้มีการยิงปะทะเดือด อย่างที่มีข่าวออกมา เพราะจากรายงานของทหารที่ดูแลพื้นที่ พบว่า เป็นแค่การยิงไล่ เพราะความหวาดระแวง และมีการก่อกวนเท่านั้น ไม่ได้มีการยิงปะทะ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บใดๆ
พล.ต.วราห์ กล่าวต่อว่า เช่นที่ แยกเฉลิมเผ่า นั้น ทางหน่วยทหารในพื้นที่รายงานว่า การ์ด กปปส. ได้ยิงไล่ ชายที่เมาเหล้า เข้ามาใกล้ในพื้นที่ชุมนุม แล้วมีการปาประทัดยักษ์ กันเกิดขึ้น แล้วชายเมาสุรา ก็หนีไป ไม่ได้มีการยิงปะทะกันแต่อย่างใด ส่วนที่ข่าวว่า ทหารไปช่วยการ์ด กปปส. ยิ่งปะทะกับกองกำลังไม่ทราบฝ่ายนั้น ยืนยันว่า ไม่มีเหตุการณ์นี้ เพราะทหารไม่มีอาวุธ มีแต่สารวัตรทหาร เท่านั้นที่พกปืนสั้น แต่เมื่อคืนเป็นช่วงที่มีกำลังทหารเข้ามาตั้งจุดเพิ่มเติมในพื้นที่ เช่น ชุดปฏิบัติการมวลชน จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ทหารเข้ามาช่วยการ์ด ยิงต่อสู้กับกองกำลังไม่ทราบฝ่าย
ผบ.พล. 1 รอ. กล่าวต่อว่า ส่วนที่ สะพานมัฆวานฯ นั้น ตอนเที่ยงคืนนั้น หน่วยรายงานว่า การ์ด กปปส.ยิงไล่ วัยรุ่นขี่จักรยานยนต์ มาในบริเวณนั้น การ์ดเกรงว่าจะมาป่วน เพราะมีการพูดจายียวน ทำให้การ์ดไม่พอใจเลยยิงไป แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เวลา 02.00 น. หน่วยรายงานว่า แค่มีการได้ยินเสียงปืนเฉยๆ ไม่ได้มีการปะทะใดๆ ที่สำคัญจะเห็นว่า ไม่มีผู้บาดเจ็บใดๆ เลย
“อยากขอร้องสื่อ โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ ที่เสนอข่าว ว่ามีปะทะเดือด มีกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ยิงกัน ทหารเราอยู่ทุกจุด ไม่ได้เกิดเหตุแบบนั้น เมื่อคืนนี้เลย ขอร้องว่า อย่าเสนอข่าวให้เกินเลยความจริง เพราะจะทำให้ประชาชนหวาดกลัวมากขึ้น เหมือนเกิดเหตุร้ายแรง เพราะเมื่อคืนทหารที่ทำหน้าที่อยู่ก็ดูแลพื้นที่ได้ ไม่ได้เกิดเหตุอะไรที่รุนแรง ไม่ได้มี กกล.ไม่ทราบฝ่ายขนอาวุธมายิงปะทะกัน” ผบ.พล.1รอ. กล่าวและว่า ตั้งแต่เมื่อคืน 25 ก.พ. ได้มีการปรับจุดวางกำลัง จุดตรวจ ชุดปฏิบัติการมวลชนใหม่ โดยส่งไปดูแลองค์กรอิสระ ศาลต่างๆ กกต. ป.ป.ช. และพื้นที่ล่อแหลมต่างๆ ด้วย ตามนโยบายผบ.ทบ.
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษก ทบ. ชี้แจงว่า เนื่องจาก ขณะนี้ยังคงมีเหตุรุนแรงมากขึ้น เพื่อให้การสนับสนุน ศรส.สอดคล้องกับสถานการณ์ สำหรับมาตรการในการป้องกันและเฝ้าระวัง ทบ.จึงได้มีการปรับกำลังเพิ่มให้มีจุดตรวจร่วมและจุดตรวจเพื่อความมั่นคงจำนวนมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีจำนวน 117 จุด เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับทุกฝ่าย ทั้งประชาชนทั่วไป เจ้าหน้าที่ และผู้ร่วมชุมนุม รวมทั้งสถานที่และหน่วยงานสำคัญๆ ที่อาจล่อแหลมต่อการถูกก่อเหตุรุนแรง รวมถึงพยายามปรับเส้นทางการลาดตระเวนของชุดสายตรวจในแต่ละพื้นที่ให้เหมาะสม และเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนให้มากขึ้น เพื่อจะเป็นการป้องกันและป้องปรามการใช้ความรุนแรงให้ได้มากที่สุด
...