"กรมควบคุมมลพิษ" ส่อแววแพ้คดีคลองด่าน หลังทนาย “วัฒนา” ยื่นคัดค้านฎีกา-ศาลยังไม่ประทับรับฟ้อง...
วันที่ 16 ธ.ค. 56 นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยภายหลังการหารือกับ นายสุประวัติ ใจสมุทร ทนายความของ คพ. ว่า หลังจากที่ทีมทนายความของ คพ. ได้ยื่นฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ 279422553 ที่ คพ.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา อัศวเหม กับพวก ในความผิดฉ้อโกงที่ดิน ก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสีย คลองด่าน ไปเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา จึงได้ให้ฝ่ายกฎหมายของ คพ.ดูรายละเอียดในสำเนาฎีกาลงลึกอีกครั้งหนึ่ง เพราะยังมีเวลายื่นฎีกา ถึงวันที่ 19 ธ.ค.นี้ หากมีรายละเอียดที่จะเพิ่มเติม ก็สามารถเพิ่มเติมได้ ซึ่งทางทนายความมั่นใจว่าจะทำให้ดีจนถึงที่สุด เพราะถือว่าคดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และเป็นคดีแรกที่ คพ.ชนะคดี ในศาลชั้นต้นมาแล้ว จากที่เคยเป็นโจทก์ฟ้องร้องในคดีความอื่นๆ
อธิบดี คพ. กล่าวต่อว่า จากการหารือ ทีมทนายความเห็นว่า เนื้อหาคำตัดสินของศาลอุทธรณ์พิจารณาเฉพาะในส่วนที่เป็นปลีกย่อยของคดีเท่านั้น แต่ประเด็นสำคัญ คำตัดสินที่ คพ. ชนะคดีในศาลชั้นต้น ซึ่ง คพ.เป็นผู้ฟ้องอุทธรณ์ให้มีการพิจารณาเพิ่มโทษ จนศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 3 ปี อีกกระทงหนึ่ง กับผู้ที่เกี่ยวข้อง และยังมีคำพิพากษาคดีทางการเมือง แต่กลับไม่ถูกนำมาพิจารณาร่วมด้วย
...
ดังนั้น ฎีกาที่จะยื่นต่อศาล จะโต้แย้งถึงกรณีการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ที่ไม่เลือก นำประเด็นหลักมาพิจารณา แต่กลับให้ความสำคัญกับประเด็นปลีกย่อย
“รายละเอียดที่ให้ทีมกฎหมายไปตรวจสอบเพิ่มเติม คาดว่าจะต้องแล้วเสร็จใน 1-2 วันนี้ ซึ่งต้องทำให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะยื่นฎีกาต่อศาล ต้องให้ทันก่อนวันที่ 19 ธ.ค. โดยจะให้ทีมทนายความ เป็นผู้ไปยื่นฎีกาแทน คพ. ซึ่งในฐานะที่ คพ.ได้จ้างทีมทนายความชุดนี้มา ก็ต้องมั่นใจว่าจะสามารถทำให้คดีนี้ชนะได้ และในความเห็นส่วนตัว ก็ไม่อยากให้คดีนี้ต้องแพ้ฟาวล์ ส่วนที่เอ็นจีโอมองว่า คดีจะแพ้ เพราะมีการสมยอม ก็ต้องไปดูว่าเป็นการสมยอมของฝ่ายไหน แต่ยืนยันว่า คพ.ก็ต้องสู้เต็มที่อยู่แล้ว” นายวิเชียรกล่าว
แหล่งข่าวจาก ทส. เปิดเผยว่า มีความไม่ชอบมาพากลในคดีนี้ เพราะหลังจากที่ทีมทนายความของ คพ.ได้ยื่นฎีกาไปเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ทางทนายความฝ่ายจำเลย ได้เข้ายื่นเรื่องคัดค้านฎีกาของ คพ. เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. โดยให้เหตุผลว่า คำฎีกาที่ คพ.ได้ยื่นไปนั้นไม่สมบูรณ์ ซึ่งทาง คพ.ก็ไม่แน่ใจว่า ทาง ทนายจำเลยทราบรายละเอียดในฎีกาที่ คพ.ยื่นไปได้อย่างไร
ทั้งนี้ ในประเด็นที่ทนายจำเลยได้คัดค้าน ให้เหตุผลว่า ทีมทนายความของ คพ.ไม่มีอำนาจในการยื่นฎีกา เพราะได้รับแต่งตั้งจาก นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อดีตอธิบดี คพ. จึงขอให้ศาลพิจารณาว่า ฎีกาของ คพ. น่าจะไม่สมบูรณ์ ขณะที่มีข้อสงสัยว่า เหตุใดมีการยื่นฎีกาไปแล้ว แต่ผู้พิพากษาศาลยังไม่ประทับรับฟ้องเป็นคดีความ ทั้งๆ ที่ คพ.ได้ยื่นฎีกาไปแล้ว ซึ่งหากศาลไม่ประทับรับฟ้องเลย ก็จะถือว่า คดีนี้จบไปโดยปริยาย.