องค์กรสื่อออกแถลงการณ์ ไม่เห็นด้วยกับการคุกคามสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน แนะกอง บ.ก.ต้องยืนหยัดในการทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดี แนะหากต้องปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ความกดดัน การยุติการออกอากาศ ถือเป็นแนวทางปฏิบัติตามหลักสากลที่ควรกระทำ...
เมื่อเวลา 19.40 น. วันที่ 1 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดความวุ่นวายทางการเมืองในเขต กทม. หลายจุด องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ประกอบด้วย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ ออกแถลงการณ์เรื่อง ขอให้ยุติการคุกคามและแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ดังนี้
จากที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นำมวลชนไปยังสถานีโทรทัศน์ช่อง 3, 5, 7, 9, 11 และไทยพีบีเอส โดยกดดันให้สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ถ่ายทอดสัญญาณการเคลื่อนไหวและคำแถลงของ กปปส. และห้ามนำเสนอข่าวจากฝ่ายรัฐบาลนั้น
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ประกอบด้วย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ต่อการกระทำที่เข้าข่ายการคุกคามสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน ซึ่งขัดแย้งต่อเจตนารมณ์การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่ กปปส.กล่าวอ้างว่าจะต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยโดยสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และขอให้ กปปส.ยุติการกระทำดังกล่าวทันที
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนขอยืนยันหลักการว่า สื่อมวลชนต้องมีสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารและความคิดเห็นของทุกฝ่ายตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น กองบรรณาธิการและผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนในสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ต้องยืนหยัดในหลักการดังกล่าวข้างต้น โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ซึ่งเป็นสื่อสาธารณะที่มีกฎหมายรองรับความเป็นอิสระ จะต้องยืนยันหรือไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้ามากดดัน หรือครอบงำการนำเสนอข้อมูลข่าวสารโดยเด็ดขาด หากต้องปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การกดดันหรือครอบงำ การยุติการออกอากาศถือเป็นแนวทางปฏิบัติตามหลักสากลที่ควรกระทำ
อย่างไรก็ตาม องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนมีความเข้าใจถึงมูลเหตุ ที่กลุ่มมวลชนของ กปปส.ไม่พอใจสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ให้ความสำคัญในการนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เป็นสถานการณ์สำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน นับตั้งแต่เหตุการณ์การชุมนุมใหญ่ที่มีความต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงเหตุการณ์ในวันที่ 1 ธันวาคม 2556 โดยปรากฏว่าสถานีโทรทัศน์ส่วนใหญ่ยังคงนำเสนอรายการตามผังรายการตามปกติ เป็นการคำนึงถึงผลประโยชน์ของสถานีเป็นหลัก มากกว่าการคำนึงถึงสิทธิในการรับรู้ข่าวสารของประชาชน
ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ในสังกัดหน่วยงานรัฐ ซึ่งมีรัฐธรรมนูญคุ้มครองสิทธิเสรีภาพให้มีความอิสระในการเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน และให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อสาธารณะ โดยไม่อยู่ภายใต้อาณัติของรัฐบาล จะต้องไม่ยอมรับการถูกแทรกแซงหรือสั่งการจากฝ่ายรัฐบาล ให้นำเสนอข่าวสารเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อาทิ กรณีที่รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์สั่งให้สื่อในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์นำเสนอข่าวสารเชิงบวกต่อรัฐบาล (อ้างถึงบันทึกเลขที่ นร 0213.071721 เรื่องขอให้กำกับดูแลการนำเสนอข่าว ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556) เป็นต้น
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนมีความห่วงใยในความปลอดภัยของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนในภาคสนามทุกคน โดยขอให้ระมัดระวังการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเกินความจำเป็น ทั้งนี้ ให้ตระหนักว่าความปลอดภัยของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน มีความสำคัญไม่น้อยกว่าการแสวงหาข้อมูลข่าวสารและข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านมานำเสนอต่อสาธารณชน
เราขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนทุกคน ที่นำเสนอข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านต่อประชาชน และขอให้ทุกฝ่ายเคารพและไม่แทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในทุกรูปแบบ ลงชื่อ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์.
...