ผมชื่นชมทั้ง คุณศศิน เจริญลาภ และ คุณรตยา จันทรเทียร 2 แกนหลักของ มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ที่ต่อสู้ คัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ อย่างแข็งขัน ใช้การ ต่อต้านแบบอหิงสา ไม่ก้าวร้าว
ซึ่งจะทำให้ได้ชัยชนะในการคัดค้านสร้างเขื่อนแม่วงก์
รวมทั้งใช้ กลยุทธ์เดินเท้า จากป่าแม่วงก์ถึงทำเนียบรัฐบาล ให้ชาวบ้านได้ซึมซับถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าแม่วงก์ ให้ชาวบ้านได้ตระหนักถึงคุณค่าของป่าต้นน้ำ ดูเหมือนว่ากลวิธีของ คุณศศิน กับ คุณรตยา ได้ผล เพราะมีพลังมวลชนออกมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวคัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์มากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ที่ผมรู้สึกแปร่งๆคือ พฤติกรรมบางอย่าง ของ นักวิชาการบางคน อยากเด่น ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามีเป้าหมายอะไร แต่การที่นักวิชาการบางท่านออกมาอวดอ้างว่าอยู่เบื้องหลังของการต่อต้านการสร้างเขื่อน ร้องแรกแหกกระเชอว่าถูกปองร้าย ผู้มีอิทธิพลหมายหัวจะเอาชีวิต
ผมว่าเป็น บทบาทที่ไร้สาระ และทำให้กระบวนการต่อสู้เพื่อ คัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ถูกลดความน่าเชื่อถือ จะทำให้ผู้คนอีกหลายแสนคนที่ร่วมคัดค้านต้องหวนกลับมาคิดทบทวน
มีใครต่อยอดไปสู่เป้าหมายที่แอบแฝงหรือไม่??
มีบางคนที่อ้างเป็น นักวิชาการ ใช้วิธีการที่ ดันตัวเอง ให้ขึ้นไปอยู่แถวหน้า แล้วก้าวกระโดดไปเป็นนั่นเป็นนี่ ซึ่งคนเหล่านี้มัก แฝงเข้าไปอยู่ในขบวนการต่อสู้ของประชาชน อยู่เสมอๆ
พอพูดถึง เขื่อนแม่วงก์ ผมก็อดเป็นห่วงเรื่อง เขื่อนแก่งเสือเต้น ไม่ได้
เพราะอีกเป้าหมายหนึ่งของรัฐบาลคือ สร้างเขื่อนขนาดใหญ่บนพื้นที่ป่าของลำน้ำยม ด้วยเหตุผลคือ ป้องกันน้ำท่วม จ.แพร่ จ.พิษณุโลก จ.พิจิตร ที่เกิดขึ้นทุกๆปี
จุดสร้างอยู่พื้นที่ป่าละแวกบ้านสะเอียบ จ.แพร่
ผมมีเหตุต้องไป จ.แพร่ ได้พบ คุณอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผวจ.แพร่ ในฐานะที่ ผู้ว่าฯ เป็น คนเมืองแพร่ ได้คุยกันในเรื่อง เขื่อนแก่งเสือเต้น เพราะเรื่องนี้มีทั้ง ได้ผลประโยชน์ และ เสียประโยชน์ กับ คน จ.แพร่ โดยตรง
ท่านผู้ว่าฯ บอกว่า ปมสำคัญ อยู่ที่การดูแลช่วยเหลือ ชาวบ้าน ต.สะเอียบ เพราะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ถ้า ชาวบ้านได้รับการช่วยเหลือ จากรัฐอย่างเต็มที่และ จัดการฟื้นฟูเพิ่มพื้นที่ป่า ให้มีเนื้อที่มากขึ้น การคัดค้านก็จะทุเลา
ผมเองก็เพิ่งรู้ว่า เหล้าขาวที่ดีที่สุด อยู่ที่ บ้านสะเอียบ หอม หวานและอร่อย ชาวบ้านที่สะเอียบมีอยู่ประมาณ 5,000 กว่าคน อาชีพที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำคือต้มเหล้าขาย มีโรงต้มเหล้าในพื้นที่ประมาณ 200 แห่ง 10 เดือนชาวสะเอียบส่งภาษีให้รัฐสูงถึง 340 ล้านบาท
คุณอภิชาติ คุยว่า เหล้าขาว ของชาวสะเอียบถือเป็น ภูมิปัญญาของคนท้องถิ่น ที่สืบทอดมาเป็นเวลากว่า 200 ปี ใช้ น้ำลำน้ำดงหล้ม ที่มีต้นน้ำมาจาก ภูเขาไฟ ที่ดับแล้ว หมักกับข้าวเหนียว จึงเป็น เหล้าขาว ที่ผู้คนถิ่นเหนือชื่นชอบ แม้แต่คนภาคอีสาน ภาคกลางบางส่วนก็นิยม
คุณอภิชาติ บอกว่าได้นำ เครื่องกลั่นของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ที่นักวิชาการวิจัยประดิษฐ์ขึ้นมาใช้ กลั่นเหล้าขาว ของชาวสะเอียบ ทำให้รสชาตินุ่มขึ้น ซึ่งท่านคิดจะผลักดันให้เหล้าขาวชาวสะเอียบ เป็นเหล้าสัญลักษณ์ของประเทศไทย เทียบเคียงได้กับ เหล้าสาเกของญี่ปุ่น หรือ เหล้าเหมาไถของจีน
เป็นสินค้าโอทอป จ.แพร่ และของประเทศไทย!!ซึ่ง คุณอภิชาติ บอกว่า หากทำให้ คนสะเอียบ เจ้าของพื้นที่ที่จะสร้างเขื่อน มีรายได้เพิ่ม มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐอย่างเต็มกำลังจะลดทอนการต่อต้านการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นได้ระดับหนึ่ง
วิธีหนึ่งคือ ส่งเสริมอาชีพหลัก การผลิตเหล้าขาวให้เขามีรายได้ ที่มั่นคงและยั่งยืน
ผมเองเห็นด้วย การทำให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ มีรายได้เพิ่มถือเป็นหน้าที่ของข้าราชการของรัฐบาล
เขื่อนแก่งเสือเต้นจะสร้างได้หรือไม่
เป็นเรื่องอีกไกลครับ!!!
...
ลม ตะวันตก