นายจตุพร พรหมพันธุ์
จตุพรแฉพิรุธเปลี่ยนวิธีจัดซื้ออาวุธ ระบุปชป.เงียบปากสนิทไม่ค้านรถเมล์ แนะ“สมัคร-นพดล”ฟ้องเอาผิดป.ป.ช. เล็งอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา...
วันนี้(30 ก..ย.)นายจตุพร พรหมพันธุ์ สมาชิกสภาผุ้แทนราษฎรแบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กองทัพ จัดซื้ออาวุธงบประมาณกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ว่า จากการตรวจสอบปรากฏว่าเป็นการเปลี่ยนวิธีการจัดซื้อจากรัฐบาลต่อรัฐบาล มาเป็นการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรา 190 ที่ต้องขอความเห็นชอบจากสภาฯ พบว่ากลุ่มคนที่ได้ประโยชน์เป็นบริษัทนายหน้าค้าอาวุธ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนขั้วสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล โดยได้สัดส่วนในการจัดซื้ออาวุธครั้งนี้ 80 เปอร์เซ็นต์จากวงเงินงบประมาณทั้งหมด การอนุมัติของรัฐบาลครั้งนี้เป็นการอนุมัติที่ไม่โปร่งใส เป็นการหาค่าคอมมิชชั่น จึงอยากให้รัฐบาลและกองทัพได้ชี้แจงว่าบริษัทนายหน้าเข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดซื้ออาวุธครั้งนี้
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ส่วนที่ครม.อนุมัติโครงการเช่ารถเมล์ 4000 คัน วงเงิน 6.3 หมื่นล้านบาท หลังจากเกิดกระแสคัดค้าน รัฐบาลได้เดินเรื่องให้สภาพัฒน์ฯ เป็นผู้พิจารณาศึกษา ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ สนิทกับนายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคภูมิใจไทย แต่ขอตั้งข้อสังเกตุกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน ประชาธิปัตย์พร้อมกับส.ส.อีก 25 คน เคยออกมาแถลงตอบโต้โครงการเช่ารถเมล์ ว่าหากมีการพับโครงการต้องคืนเงินร่วม 2 พันล้านบาท แต่วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์กลับไม่ออกมาแสดงความเห็นปิดปากกันสนิทหมด ซึ่งสังเกตเห็นได้ว่ากลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ ของกองทัพและการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน เป็นกลุ่มคนเดียวกัน และเป็นตัวกลางสำคัญเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง
"การที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ ว่า การตัดสินของป.ป.ช. เป็นการตัดสินอย่างอคติไร้ความเป็นธรรม อยู่บนพื้นฐานความรู้สึกเป็นส่วนใหญ่ และจะเห็นว่านายสมัครกับนายนพดล เป็นคนปกป้องไม่ให้ไทยเสียดินแดน แต่การพิจารณาของป.ป.ช. กลับไปในแนวทางที่สอดคล้องกับศาลรัฐธรรมนูญที่ทำให้เห็นว่า อาจจะมีการเสียดินแดน ทั้งที่เรื่องดังกล่าวนายอภิสิทธิ์ และส.ส.ประชาธิปัตย์ 144 คน เป็นผู้ที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดน"ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย กล่าว
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า หลังจากยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบ จะเห็นได้ว่ากัมพูชามีการตัดถนน 250 เมตร เข้ามาในพื้นที่ประเทศไทยจริง ลุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อนตลอดช่วงเวลา 9 เดือนที่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศ โดยแม่ทัพภาค 2 ได้ยืนยันในที่ประชุมกรรมาธิการต่างประเทศว่าไทยเสียดินแดนจริง แต่ป.ป.ช.กลับไม่ดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์ ถือเป็นการเลือกปฏิบัติ สำหรับป.ป.ช.ชุดนี้ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ถือเป็นองค์กรเถื่อนมาพิจารณาบุคคลที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นอย่างนี้บ้านเมืองจะอยู่อย่างไร และตนอยากให้นายสมัครและนายนพดล ดำเนินคดีกับป.ป.ช.ที่ตัดสินอย่างอคติ ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
"ในเดือนต.ค.นี้ กลุ่มคนเสื้อแดงจะตัดสินใจกลับมาเคลื่อนไหวใหญ่ทางการเมืองอีกครั้ง โดยจะมีการประชุมหารือในวันที่ 1 ต.ค. เบื้องต้นรูปแบบการเคลื่อนไหวชุมนุมอาจจะเป็นการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลนอกสภาฯ เพราะไม่อยากรอถึงฤดูกาลอภิปราย ช่วงเดือนม.ค. ถือว่าช้าไป ทั้งนี้จะมีการนำข้อมูล พร้อมทั้งชาร์ต มานำเสนอกับประชาชน และอาจเชิญร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย มาร่วมเวทีอภิปรายด้วย" นายจตุพร กล่าว
...