แหล่งวัตถุดิบอัญมณี...พลอยดิบ พลอย ก้อนที่สาธารณรัฐโมซัมบิก  ผู้คนในแวดวงอัญมณีไทยยืนยันว่าอีก  50  ปี ก็ขุดกันไม่หมด

เกษม นิทัศนจารุกุล เลขาธิการฯ สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ บอกว่าบ้านเราหมดจริงๆแล้วแหล่งวัตถุดิบอัญมณี ย้ายไปพม่าก็ยังพอมีอยู่บ้าง ของเขมรก็น่าจะหมดเหมือนกัน เราจำเป็นต้องหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ ตลอดเวลา

พิชิต นิลประภาพร นายกสมาคมค้าพลอยสี ไทย-โมซัมบิก เสริมว่า ที่ผ่านมา พูดได้ว่าธุรกิจอัญมณีเมืองจันท์ซบเซาไประดับหนึ่ง เราไม่มีของ แต่ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าที่โมซัมบิกขณะนี้เกิดพลอยแดง ซึ่งเป็นทับทิมแดง เป็นพลอยที่มีคุณค่าที่สุดในตระกูลพลอยป้อนเข้าสู่ตลาด

“ที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งกำเนิดพลอยคุณภาพดี เป็นพลอยดิบที่ไม่ต้องผ่านการเผา เจียระไนได้เลย...ก็น่าจะมีอยู่ที่นี่ ที่เดียวในโลก เยอะที่สุด แถมสีสันก็เป็นที่ยอมรับได้ เกรดเกือบเท่ากับพม่าได้เลย”

...

พลอยแดงโมซัมบิก ข้อดีอีกอย่างเนื้อดีกว่าพลอยพม่า มีการแตกน้อยกว่า...แม้ว่าพลอยพม่าสีจะใช้ได้ แต่มีแตกเยอะ ขุ่นเยอะ ... “พลอยโมซัมบิก” บริสุทธิ์เหมือนเพชรสีแดง ยอมรับว่าของเขาดีจริงๆ

มองในแง่มูลค่าเพิ่ม การเจียระไน  เกษม  บอกว่า วันนี้อุตสาหกรรมอัญมณีถ้าไปดูตัวเลขส่งออกถือว่ามาก ตัวเลขเยอะมาก 4 แสนล้าน แยกเป็นในส่วนของอัญมณี...พลอย 2 แสนกว่าล้านฯ แล้วเราก็ต้องการวัตถุดิบพลอย จากแหล่งโมซัมบิก เพื่อนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศไทยแล้วก็ส่งออก

หมายความว่า เราเอาพลอยดิบ โมซัมบิก มาเจียระไน ทำจิวเวลรี่ ทำแหวน สร้อยสังวาลย์ ต่างหู เครื่องประดับทุกอย่าง สำหรับ “พลอยแดง” แน่นอน...ฝีมือการเจียระไน คนไทยถือว่าสุดยอดแล้ว

สำหรับคนนอกวงการต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “พลอยแดง” หรือ “พลอยทับทิม” ก็อยู่ในตระกูลควอลันดัม เป็นพลอยตระกูลเนื้อแข็ง รองจากเพชร ประเด็นสำคัญ “พลอยแดง”...เป็นพลอยที่มีมูลค่าสูง

โมซัมบิกมีพลอยหลายตระกูล ทัวมาลีน เซอร์คอนเป็นพลอยเนื้ออ่อน แต่ว่าสิ่งที่คนไทยสนใจและมีความชำนาญเป็นพิเศษ ก็คือพลอยเนื้อแข็ง พลอยแดงทับทิม แล้วก็พลอยไพลิน

ถามว่ามีคนไทยที่ทำพลอยเนื้ออ่อนบ้างไหม ก็ต้องบอกว่ามี แต่ไม่มาก ที่น่าสนใจก็มีหลายตัว เช่น ทัวมาลีน แต่ด้วยความเป็นพลอยเนื้ออ่อน ในความหมายของเราก็คือเป็น “เซมิพรีเชียส”...กึ่งมีมูลค่าสูง ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าแม้ว่าจะกึ่งมูลค่าสูง แต่ถ้าเม็ดโต มูลค่าก็สูงได้เหมือนกัน

การเพิ่มมูลค่า ถามว่า...เพิ่มได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อผ่านฝีมือคนไทย พิชิต นายกสมาคมผู้ค้าพลอยสี ไทย-โมซัมบิก บอกว่า อย่างนี้เป็นเรื่องของความลับ ต้องบอกว่าการที่มาซื้อวัตถุดิบที่นี่บางอย่างที่เราสงวนที่จะไม่บอกได้ก็จะเป็นเรื่องดี บางครั้งการเปิดเผยข้อมูลเรื่องมูลค่า ส่วนต่างราคาไป ก็จะเกิดความเสียหายต่อธุรกิจ

ฉะนั้นการซื้อขายพลอยดิบที่นี่บางครั้งก็ยังมีหลงๆว่า...เราไปซื้อได้ในราคาที่ถูกแล้วไปสร้างมูลค่าได้เยอะ กลับกันบางครั้งคนค้าพลอยก้อนก็เจ็บตัว ขาดทุนเหมือนกัน

“นักค้าพลอยก็คือนักการพนันคนหนึ่ง ซึ่งบางครั้งก็มีการวัดดวง สุ่มเสี่ยง เพราะมีเสียหายได้ การซื้อพลอยก้อนไม่เหมือนซื้อพลอยสำเร็จ เราต้องมีการวิเคราะห์กันด้วยความชำนาญว่าพลอยเม็ดนี้ที่ซื้อไปแล้ว จะทำน้ำหนักได้เท่าไหร่ สีที่ออกมาจะได้อย่างไร บางครั้ง... ก็มีความผิดพลาด”

แต่...ไปคุยที่ไหนในโลกก็ได้ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่เจียระไนพลอย แล้วก็เผาพลอยได้สวยที่สุดในโลก ไม่มีใครสู้

การนำเข้าของพลอยในบ้านเราเวลานี้ ได้อานิสงส์ภาษี 0 เปอร์เซ็นต์ ถ้ามองตัวเลขการนำเข้า ซื้อขายกับโมซัมบิกอาจจะมีตัวเลขที่มองไม่ชัด ถ้าจะดูชัดๆต้องไปดูที่ตัวเลขการส่งออก...พลอย 2 แสนกว่าล้าน แล้วพลอยเนื้ออ่อนที่นำเข้ามาจากประเทศอื่นมูลค่าก็ไม่ได้เท่าที่นี่

“เราค้าอยู่ที่นี่ ต่อเดือนถือว่าเป็นกองทัพมด ด้วยข้อติดขัดปัญหา ข้อกฎหมาย ทำให้ต้องมีกระบวนการขั้นตอนกันพอสมควร”

ย้อนกลับมาดูปัจจัยภายใน วันนี้...แรงงานของการเจียระไนพลอยเมืองจันท์มีอยู่ที่ราวๆ 50,000 คน ถ้าขาดวัตถุดิบอย่างน้อยๆก็จะมีคนว่างงานอีกเยอะ ครึ่งหนึ่งจะต้องตกงาน...เพราะที่โมซัมบิก ศัพท์นักค้าพลอยจะเรียกว่า “เราซื้อกันทั้งขี้...ทั้งขน” หมายความว่าเอาหมดทุกอย่าง ตั้งแต่คุณภาพด้อยไปจนถึงคุณภาพสูง

“การสร้างงานในบ้านเรา ต้องยอมรับว่าขึ้นอยู่กับแหล่งพลอยดิบโมซัมบิกพอสมควร ถ้าไม่พึ่ง...ตลาดอัญมณีเมืองจันท์ซบเซาแน่นอน แต่ช่วงนี้พลอยแดงทำให้ตลาดคึกคัก”

นโยบายรัฐบาลขณะนี้ก็มีเรื่องเก่าสมัยรัฐบาลนายกฯทักษิณทำไว้ ฟื้นโครงการให้จันทบุรีเป็นนครอัญมณี แล้วก็เป็นเมืองปกครองแบบพิเศษเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอัญมณี และจันทบุรีก็ไม่ใช่มีเฉพาะอัญมณี แต่ยังมีเรื่องผลไม้ ที่เป็นที่สุดในประเทศ เศรษฐกิจเมืองจันทบุรีก็ถือว่าครบ มีทุกอย่าง...อีกทั้งประมงและท่องเที่ยว

คำว่า “ศูนย์กลาง”...ใครก็จะต้องวิ่งมาที่นี่ มาซื้อ มาขาย ขณะนี้ตลาดอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือประเทศไทย ไม่มีทางเปลี่ยนไปได้ เพราะไม่ว่าคุณจะหาวัตถุดิบที่ไหนได้ก็แล้วแต่ คุณจะต้องมาเมืองจันท์เป็นแห่งแรก โดยเฉพาะ... “การเจียระไน”

“เยอรมัน สวีเดนสร้างเตาเผาอัญมณี แต่คนไทยเป็นคนเผา ถามว่าคนไทยเก่งหรือเปล่า? คนไทยเป็นคนที่กล้าวัด พลอยเม็ดนึง ราคา 5 ล้านบาท...10 ล้านบาท กล้าใส่เตาเข้าไปโดยมีความร้อน 1,600 องศาฯ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ฝรั่งไม่กล้า”

การเผาอัญมณี เป็นความชำนาญ เชี่ยวชาญเฉพาะที่คนไทยทำได้ เพราะใจเราถึง และสิ่งหนึ่งที่เก่งเกิดจากการเจียระไน การตั้งหน้าพลอย ต่างกับฝรั่งที่ใช้เครื่อง รักษาน้ำหนักพลอยสู้เราไม่ได้

“คนไทยเจียระไนได้ 4 กะรัต ฝรั่งอาจจะทำได้แค่ 2 กะรัตครึ่ง...3 กะรัต ก็เป็นเรื่อง สะท้อนชัดเจนว่าการสร้างมูลค่าเพิ่มอัญมณีคนไทยเก่งกว่าชาติใดในโลก”

เกษม นิทัศนจารุกุล เลขาธิการฯ สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ บอกอีกว่า เผาพลอย เปรียบเสมือนการหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสวย...เหมือนกับเราเข้าเครื่องเร่งเวลา เข้าไทม์แมชชีน โดยปกติแล้ว พลอยต้องใช้ระยะเวลาตามธรรมชาติ ใต้แรงกดดัน อุณหภูมิเป็นหมื่นๆล้านๆปี

“พลอยธรรมชาติที่ไม่ได้เผาแล้วสวยใช้ได้เลยปริมาณมีน้อย แต่ตลาดมีความต้องการเยอะ การเผาก็เพื่อรองรับตลาด เพิ่มซัพพลายเข้าไปในดีมานด์ ของมีมากล้นตลาดราคาก็ร่วง ของมีน้อยราคาก็สูง ของหายากราคาก็จะยิ่งขึ้นไปอีกระดับ พลอยที่เผาแล้วก็เหมือนข้าวสารมาหุงเป็นข้าวสวย หอมอร่อย ใครก็อยากจะกิน”

วันนี้ต้องคุยกันตรงๆว่าเราต้องการอนุรักษ์ช่างฝีมือแรงงาน ถ้าไม่มีวัตถุดิบมาเสริมให้งานมาเลี้ยงคนงานก็จะไม่มีช่าง “ตอนรัฐบาลประกาศนโยบายจำนำข้าวเกวียนละ  15,000  บาท  ช่างเจียระไนพลอยไม่น้อยก็เบนเข็มไปทำนา...คนที่ทำพลอยจันท์เกิดและดับมีเยอะ คนที่ร่วงและรุ่ง...รุ่งแล้วร่วงก็มี ถามว่าทุกคนกำไรหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ทุกคน แต่ทุกคนใจสู้ กล้าได้กล้าเสีย”

ทั้งหมดเหล่านี้เป็นลู่ทางสำคัญในความสำเร็จของถนนสายธุรกิจอัญมณีไทย.