อภิสิทธิ์
เป็นอันว่า เสร็จสิ้นภารกิจเวทีอินเตอร์ที่สหรัฐอเมริกา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ควงภริยา และคณะ บินกลับเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ
ไม่ซ้ำรอยอาถรรพณ์เดือนกันยายน
แต่ยังไม่ทันจะได้แถลงผลความสำเร็จในการปลุกความเชื่อมั่นในเวทีนานาชาติให้เคลิ้มตาม สถานการณ์ประเทศไทยก้าวผ่านวิกฤติ
ตามที่โหมโรงว่า ฝรั่งเชื่อมั่นไทยเข้มแข็ง
ล่าสุดนิตยสารไทม์รายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ได้ตีพิมพ์บทความไล่หลังมาติดๆ
ฟันธง ลำพังภาพลักษณ์สะอาด ปลอดคอรัปชันเพียงอย่างเดียวของนายกฯอภิสิทธิ์ ไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาการเมืองภายในของประเทศไทย
นั่นยังไม่หูผึ่งเท่ากับประเด็นร้อนๆ
สหรัฐอเมริกาวิตกกับสภาวการณ์ในเมืองไทยมาก ถึงขนาดตัดสินใจมอบเงินทุนจำนวนหนึ่งให้กับสำนักงานเพื่อพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (ยูเสด) เพื่อดำเนินการสร้างประชาธิปไตยขึ้นในไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมายาวนานเกือบ 15 ปีแล้ว
ตอกย้ำเครดิตประชาธิปไตยของเมืองไทยในสายตาสังคมโลก
ถึงขนาดสหรัฐฯต้องจ่ายเงินช่วยฟื้นฟูกันเลย
ที่แน่ๆโดยจังหวะที่เร้ากันพอดีกับ "การบ้านโจทย์หิน" ที่นายกฯอภิสิทธิ์จะต้องกลับมาสะสางที่เมืองไทย กับคิวแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ "หน้าแหลมฟันดำ" ผลผลิตหลังรัฐประหาร ภายใต้บรรยากาศประชามติที่เชื่อกันว่า มีอำนาจพิเศษ ฉุดกระชากลากถูให้เสียงรับ 14 ล้าน ก้ำกึ่งกับเสียงไม่รับ 10 กว่าล้านเสียง
เถียงกันไม่เลิก ในปมของความชอบธรรม
ถึงตรงนี้ก็ยังยื้อกันหน้าดำหน้าเขียว
ภายใต้เดิมพันเงื่อนไขที่ม็อบพันธมิตรฯและเครือข่ายอำมาตย์ ก็จ้องรักษาความได้เปรียบในกติการัฐธรรมนูญ "หน้าแหลมฟันดำ" ที่บล็อก "นักเลือกตั้ง" เปิดทางให้ "นักลากตั้ง" มีโอกาสเดินเข้าสู่สภา
...
ล้างบาง "นักการเมือง" ให้ "นักฉวยโอกาสทางการเมือง" ได้เข้ามาถืออำนาจ
ขณะที่เครือข่าย "นักเลือกตั้ง" ก็ต้องทวงพื้นที่ยืนกลับคืนมา โดยพลังที่ถูกขับเคลื่อนโดยสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 109 ผ่านทางฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล
ถึงเวลาปลดเปลื้อง "โซ่ตรวน" กันแล้ว
ฉากใหญ่ขึงพืดกันอยู่ และนั่นก็เข้าทางลูกเขี้ยวของประชาธิปัตย์ "อภิสิทธิ์" รีบฉีกตัวเองออกไปอยู่ตรงกลาง ประคองตัวอยู่ในระหว่างเสี้ยมเขาควาย
ดึงเกม ต่อเวลาเป็นรัฐบาลออกไปให้นานที่สุด
โดยลีลายึกๆยักๆ เปิดเกมการเมืองยื้อกับพรรคร่วมรัฐบาล และฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย จากเงื่อนไขแรกที่โยนหินให้ตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.3) พอโดนต้าน ก็กั๊กไว้ที่การทำประชามติ
ตามข้ออ้างให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจกับการรื้อรัฐธรรมนูญ
"อภิสิทธิ์" ตีกรรเชียง ต่อรองแบบวันต่อวัน
แต่โดยลูกเขี้ยวที่ทันกัน เพื่อนไม่ปล่อยให้หลอกตีกินอีกต่อไป
ในอารมณ์ "ดับเครื่องชน" ล่าสุดแกนนำตัวจริงเสียงจริงของพรรคร่วมรัฐบาล ขอต่อสายตรงกับ "อภิสิทธิ์" แทนการเจรจาผ่านยี่ห้อ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ผู้จัดการใหญ่รัฐบาล ที่รับบทหนังหน้าไฟ จนไหม้เกรียม
"เทพเทือก" รับปากอย่าง แต่ "อภิสิทธิ์" ออกไปอีกทาง
พรรคร่วมรัฐบาลเลยตีธงยื่นคำขาด ก่อนอื่นเลย 2 ประเด็น มาตรา 190 ทำสนธิสัญญาไม่ต้องผ่านความเห็นของรัฐสภา และกลับไปเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว ไม่เกี่ยวกับปมแหลมๆเสียวๆ
เล่นเร็วได้เลย ไม่ต้องทำประชามติ
ต้อนเข้ามุมขนาดนี้ "อภิสิทธิ์" จะดิ้นพลิกเหลี่ยมยังไง
ภายใต้สถานการณ์ที่โยงกันเป็นระเบิดเวลา กับการบ้านอีกข้อใหญ่ ที่รอการสะสางคิวเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่
ที่ยังวนอยู่กับ "ข้อมูลเก่า"
เอาเป็นว่า โดยอาการก้นร้อน "เดอะคึก" นายเทพไท เสนพงศ์ โทรโข่ง ประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รีบกระโดดปัดข้อหาที่ถูกนักข่าวยันกับนายสุเทพว่า เป็นคนปล่อยชื่อ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. เป็นม้ามืดแทรกคิวเข้าวิน ผบ.ตร.คนใหม่
ลนลานโยนให้ "เดอะวอลเปเปอร์" นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา คนสนิทที่ยืนอยู่ฉากหลังนายกฯอภิสิทธิ์ น่าจะเป็นคนปล่อยของมากกว่า
รีบหลบฉากกันวูบวาบ
ไม่เสี่ยงท้าทายกับ "สัญญาณพิเศษ".
ทีมข่าวการเมือง รายงาน