การพบปะกับนักลงทุนสหรัฐฯที่นครนิวยอร์กของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เที่ยวนี้ ประมาณว่า นักลงทุนมั่นใจในโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลที่จะใช้เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นอย่างมาก ส่วนนักลงทุนสหรัฐฯจะมองอย่างไรก็เป็นอีกเรื่อง
ขณะเดียวกันการประชุม ครม.เมื่อวันวาน ที่ รองนายกฯสุเทพ เทือกสุบรรณ นั่งหัวโต๊ะทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ทุกโครงการผ่านไปอย่างราบรื่น
แม้แต่ตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ของ คุณยรรยง พวงราช ก็ผ่านฉลุย แต่ที่ต้องตั้งข้อสังเกตเอาไว้ตรงนี้ก็คือ การกู้หนี้ผูกพันของรัฐบาล
เป็นโครงการจัดหายานยนต์ของกองทัพบกภายในระยะเวลา 4 ปี จนถึงปีงบประมาณ 2555 จำนวนวงเงิน เกือบ 5 พันล้านบาท จัดหายานพาหนะทดแทนของเดิม อีก 3 พันกว่าล้าน โครงการพัฒนาขีดความสามารถในการปราบเรือดำน้ำ ฮ.ปราบเรือดำน้ำวงเงินเกือบ 1 พันล้าน โครงการหาเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง อีก 1 พัน 6 ร้อยล้าน และโครงการจัดหาปืนเล็กยาวอีกประมาณ 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เอา 34 คูณเข้าไปเป็นเงินไทยประมาณ 9 ร้อยกว่าล้านบาท
เบ็ดเสร็จเป็นหมื่นล้าน
ที่ขอเอี่ยวด้วยคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขออนุมัติงบกลางในการจัดหาอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 81 ล้านบาท เฉพาะถุงมือหนังก็คู่ละ 500 บาท แล้วซื้อกันเป็นหมื่นคู่ สายรัดข้อมือเส้นละ 35 บาท จำนวนเกือบ 2 แสนเส้น กระบองอันละ 1 พันบาท อีกเกือบ 2 หมื่นอัน
ถามว่าเอามาทำอะไร
ถามว่าจะกะเกณฑ์ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เอาอะไรในช่วงนี้ จะไปรบกับใคร ช่วงที่กำลังถังแตก ช่วงที่ต้องไปกู้เงินชาวบ้านมาเป็นรายจ่ายของประเทศ ช่วงที่คนจนกำลังจะอดตาย ช่วงที่เงินคงคลังมีปัญหา
คำว่าประเทศไทยเข้มแข็งไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลเข้มแข็ง กองทัพเข้มแข็ง ตำรวจเข้มแข็ง หรือภาคเอกชนเข้มแข็ง แต่หมายถึงประชาชนจะต้องเข้มแข็ง
...
เอาภาษีของประชาชนไปปู้ยี่ปู้ยำกันไม่พอซะที เดี๋ยวซื้อโน่นเดี๋ยวขอนี่ เฉพาะ งบประมาณของกองทัพที่เอาไปทุ่มเทในภาคใต้ ปีละไม่รู้กี่หมื่นล้าน ไม่เห็นมีอะไรในกอไผ่
แค่เอาทหารไปแบกปืนล่อเป้า
ส่วนผู้ใหญ่กระเป๋าตุง นี่คือ ประเทศไทย ประเทศที่กำลังด้อยพัฒนาในทุกๆด้าน ไม่ใช่รัฐบาลทหารก็เหมือนรัฐบาลทหาร เพราะรัฐบาลต้องอิงทหารเป็นหลัก
ถึงได้บอกไว้แล้วว่า ประชาธิปไตยบ้านเราประกอบด้วย 3 สิ่ง กองทัพ นายทุน และผู้มีอิทธิพล ไม่ใช่นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการอย่างที่ท่องจำกัน.
หมัดเหล็ก
mudlek@hotmail.com